กรมควบคุมโรค เร่งคุมโควิด19 เชิงรุกเข้มข้นทุกพื้นที่ เน้น 'ตรวจไว ติดตาม และกักตัว'
กรมควบคุมโรค เร่งคุมโควิด19 เชิงรุกเข้มข้นทุกพื้นที่ เน้น “ตรวจไว ติดตาม และกักตัว”
วันนี้ (21 สิงหาคม 2564) นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมคบคุมโรค กล่าวถึงความคืบหน้าของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 20,571 ราย เสียชีวิต 261 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ ร้อยละ 79 อยู่ในพื้นที่ 76 จังหวัด ที่เหลืออีกร้อยละ 21 อยู่ในพื้นที่กทม. สาเหตุหลักเกิดจากการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยที่อยู่ในบ้าน ชุมชนและหมู่บ้าน จึงขอให้ประชาชนทุกคน ทุกพื้นที่ ป้องกันตัวเองในระดับสูงสุดคือ ใส่หน้ากากอนามัย 100 % เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ไม่เข้าไปในที่ผู้คนแออัด และงดการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในหมู่บ้าน ชุมชน เพราะมีความเสี่ยงสูงที่จะสัมผัสกับผู้ติดเชื้อโควิด 19 ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีอาการป่วย บางคนยังไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อและนำเชื้อไปแพร่คนอื่นได้ จึงไม่ควรไว้วางใจใคร และให้รีบเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกัน
นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินการป้องกันควบคุมโรคขณะนี้ กรมควบคุมโรคได้ส่งทีมปฏิบัติการจากหน่วยงานในสังกัดทั้งในพื้นที่กทม.และต่างจังหวัด รวม 13 แห่ง ลงพื้นที่อย่างเข้มข้น เพื่อเฝ้าระวังสอบสวนควบคุมป้องกันโรค อย่างต่อเนื่องทุกวัน เน้นปฏิบัติการเชิงรุก 3 มาตรการหลัก คือ ตรวจไว ติดตาม และคัดแยกกักตัว เพื่อสร้างเกราะที่แข็งแกร่งให้กับประชาชนและเชื่อมโยงกับระบบการรักษา โดยมาตรการตรวจไว (Test) เน้นค้นหาผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้สัมผัสใกล้ชิดที่อยู่ร่วมบ้าน ชุมชน และสถานประกอบการต่างๆ โดยใช้ชุดทดสอบเอทีเค (Antigen Test Kit :ATK) คัดกรอง รู้ผลไวภายใน 15-30 นาที หากผลเป็นบวก จะนำเข้าสู่ระบบการดูแลควบคุม และตรวจยืนยันซ้ำด้วยวิธีอาร์ทีพีซีอาร์ (RT-PCR) และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ติดเชื้อ
มาตรการติดตาม (Trace) เน้นติดตามค้นหาผู้มีความเสี่ยงติดเชื้อให้เร็วที่สุดและครบทุกคน เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อโดยเร็ว ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น อยู่ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยที่ตรวจคัดกรองด้วยชุดเอทีเคและแยกกักตัวเป็นเวลา 14 วัน และทำการเฝ้าระวังผู้ที่เสี่ยงต่ำ ให้สังเกตตนเอง หากมีไข้ ไอ ให้รีบตรวจหาเชื้อทีนที ส่วนมาตรการแยกตัว (Isolate) จะดำเนินการดูแลผู้ติดเชื้อตามอาการความรุนแรง รายที่อาการเล็กน้อยหรือไม่มีอาการ ให้แยกตัวและนำเข้าสู่ระบบการรักษาที่บ้านหรือในชุมชนเป็นเวลา 14 วันทันที มีหน่วยสาธารณสุขและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมดูแลติดตามอาการในรายที่มีอาการป่วยและอยู่ในกลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงให้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล มั่นใจว่าทั้งมาตรการจากภาครัฐและมาตรการป้องกันส่วนบุคคล จะทำให้เราสามารถยุติสถานการณ์ได้เร็วขึ้น
ทางด้านนายแพทย์ธีรวัฒน์ วลัยเสถียร ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 9 จังหวัดนครราชสีมา (สคร.9) ซึ่งรับผิดชอบควบคุมป้องกันโรคในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 9 ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ กล่าวว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน 4 จังหวัด รวม 1,535 ราย คือ จ.นครราชสีมา 613 ราย ชัยภูมิ 203 ราย สุรินทร์ 269 ราย บุรีรัมย์ 450 ราย และ เสียชีวิต 13 ราย โดยในวันนี้ สคร.9 ได้ส่งทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค เพื่อค้นหาเชิงรุกที่ชุมชนขี้เหล็กใหญ่ ต.รองเมือง จ.ชัยภูมิ ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ พบมีการระบาดเนื่องจากพบผู้เข้าร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ของชุมชนนี้ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2564 ติดเชื้อโควิด 19 โดยมีผู้ร่วมงาน 50 คน รวมมีผู้สัมผัสในชุมชนอีกประมาณ 200 คน โดยทีมปฏิบัติการจะทำการตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อรายใหม่ คัดแยกกลุ่มเสี่ยงสูง และนำเข้าสู่ระบบการดูแล ควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่ระบาดโดยเร็วที่สุด
สำหรับการดำเนินงานที่ จ.ชัยภูมิ วันที่ 19-20 สิงหาคม 2564 ได้ตรวจเชิงรุกค้นหาผู้ติดเชื้อที่ตลาดเทศบาลเมือง อ.เมือง จำนวน 334 คน ผลการตรวจคัดกรองด้วยชุดทดสอบเอทีเคเป็นลบทั้งหมด และสอบสวนคลัสเตอร์ใหม่ที่ห้างโรบินสัน ซึ่งพบผู้ติดเชื้อ 8 ราย และในจำนวนนี้เป็นพนักงานห้างแห่งนี้ 1 ราย เริ่มป่วยวันที่ 18 สิงหาคม 2564 และมีบุคคลในบ้านซึ่งอยู่ที่ชุมชนขี้เหล็กใหญ่ อีก 5 คน คือ สามี ลูก 2 คน น้องชายและพี่เลี้ยงเด็กติดเชื้อทั้งหมด และได้สอบสวนเพิ่มเติม พบว่าสามีและน้องชายทำงานที่ประปาชัยภูมิและเข้าร่วมงานขึ้นบ้านใหม่ที่ชุมชนขี้เหล็กใหญ่ด้วย ผลการตรวจคัดกรองพนักงานประปาทั้งหมด 69 คนด้วยชุดทดสอบเอทีเค ผลเป็นบวก 8 คน และยืนยันผลด้วยวิธีอาร์ทีพีซีอาร์พบติดเชื้อทั้ง 8 คน ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิได้สั่งปิดห้างโรบินสันและประปาชัยภูมิ เป็นเวลา 3 วัน เพื่อทำความสะอาดฆ่าเชื้อ และทำการตรวจคัดกรองพนักงานทั้งหมดโดยเร็ว