เอกชน ชงขอ 5 พันล้าน ฟื้นท่องเที่ยวภูเก็ต
เอกชนภูเก็ต เสนอรัฐบาลตั้งกองทุนฟื้นฟูการท่องเที่ยว วงเงิน 5,000 ล้านบาท เดินหน้า "ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์" ปลุกธุรกิจขนาดย่อมและเล็กที่ยังปิดกิจการ ไม่มีเงินลงทุนเปิดกิจการรอบใหม่
นายธเนศ ตันติพิริยะกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า ภายหลังร่วมประชุมการตรวจราชการของ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ผ่านระบบ ZOOM เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ณ ศูนย์ปฏิบัติการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ 191 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ว่า ในการประชุมครั้งนี้ภาคเอกชนภูเก็ตได้เสนอแนวทางในการให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยและรายเล็กในภูเก็ต ที่ยังไม่สามารถเปิดกิจการให้บริการได้ในขณะนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการเหล่านั้นขาดสภาพคล่องและขาดเงินที่จะลงทุนเปิดกิจการใหม่ โดยได้เสนอขอให้รัฐบาลพิจารณาให้การช่วยเหลือผ่านไปทางรองนายกรัฐมนตรี ในการจัดตั้ง “กองทุนเพื่อการฟื้นฟูภาคการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต”
ทั้งนี้ เพื่อให้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เดินหน้าต่อไปได้ ผู้ประกอบการจะต้องเปิดกิจการให้บริการนักท่องเที่ยวในด้านต่างๆ ได้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยและรายเล็ก ทั้งรถบริการรับส่งนักท่องเที่ยว เรือ สปา โรงแรมขนาดเล็ก และอื่นๆ ที่ยังขาดเงินทุน เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ประกอบการรายเล็กเหล่านี้ไม่สามารถที่จะเข้าถึงกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้จัดสรรเงินทุนกองทุนไว้ที่ 25,000 ล้านบาท จาก ติดเงื่อนไขหลายเรื่อง เช่น อยู่ในภาวะพักชำระหนี้ statement ไม่มีการเคลื่อนไหว หรือบางคนมีมูลหนี้ที่สูงมาก และผู้ประกอบการบางรายยังไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้
ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ตรงเป้าหมาย กลุ่มผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จึงเสนอขอให้จัดตั้ง “กองทุนฟื้นฟูการท่องเที่ยว” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ทั้งโรงแรมที่พัก ขนส่งรถ-เรือ และอื่นๆ ที่จำนวนกว่าร้อยละ 80 ยังปิดกิจการ เนื่องจากเข้าไม่ถึงแหล่งทุน
ซึ่งสาเหตุที่ผู้ประกอบการดังกล่าวไม่สามารถเปิดดำเนินธุรกิจได้ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่สามารถที่จะเข้าถึงกองทุนฟื้นฟูเศรษฐกิจที่รัฐบาลได้จัดสรรเงินทุนกองทุนไว้ที่ 25,000 ล้านบาท ด้วยติดเงื่อนไขต่างๆ เช่น อยู่ในภาวะพักชำระหนี้, ไม่มีการเคลื่อนไหวบัญชี บางรายมีมูลหนี้ที่สูงมาก เป็นต้น นายธเนศ กล่าวว่า เพื่อให้ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เดินหน้าต่อไปได้ และผู้ประกอบการมีเงินในการลงทุนต่อ จึงขอให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต
เบื้องต้นจำนวน 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการปล่อยกู้ให้ธุรกิจโรงแรมที่ยังไม่มีใบอนุญาต ได้ปรับปรุงและเข้าสู่ระบบของกฎหมาย จำนวน 2,000 ล้านบาท, เสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เช่น บริษัททัวร์ ร้านอาหาร สปา ร้านขายของที่ระลึก เป็นต้น จำนวน 1,000 ล้านบาท และผู้ประกอบการขนส่งทั้งทางน้ำและทางบก เช่น ไถ่ถอนยานพาหนะที่ถูกยึดและซ่อมแซม เป็นต้น จำนวน 500 ล้านบาท โดยมีแนวคิดในการนำเงินมาใช้ตั้งต้น อยู่ 2-3 แนวคิด อาทิ กู้จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), การออกภูเก็ตบอนด์ ให้ผู้มาลงทุน หรืออาจจะมีการเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ เช่น ค่าธรรมเนียมการใช้พื้นที่เกาะ หรือสิ่งแวดล้อมต่างๆ เป็นต้น หรืออาจนำทั้งหมดมารวมกัน อย่างไรก็ตามนายธเนศ ยังกล่าวต่อว่า ปัจจุบันธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวในภูเก็ต เปิดให้บริการเพียงร้อยละ 20 เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 80% ยังคงปิดกิจการ เนื่องจากไม่มีเงินทุนสำหรับเปิดกิจการรอบใหม่ และบางกิจการอาจจะปิดถาวรได้ ทั้งนี้จากการสำรวจพบว่า กลุ่มนี้เป็นผู้ประกอบการกลุ่มใหญ่ของธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ต
โดยผลการสำรวจของทาง ม.อ.ภูเก็ต พบว่ามีมากถึง 62,000 กว่ากิจการ แบ่งเป็นนิติบุคคล 41,000 กิจการ หรือประมาณ 71% ส่วนที่เหลือเป็นการประกอบการส่วนบุคคล และมีการจ้างงานไม่ต่ำกว่า 230,000 คน จึงทำให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและฟื้นฟูเศรษฐกิจของภูเก็ตเป็นอย่างมาก