แคมป์คนงานก่อสร้าง "อ่างลำเชียงไกร" ร้องขอความช่วยเหลือ ไม่สามารถออกมาได้

แคมป์คนงานก่อสร้าง "อ่างลำเชียงไกร" ร้องขอความช่วยเหลือ ไม่สามารถออกมาได้

แคมป์คนงานก่อสร้าง "อ่างลำเชียงไกร" นครราชสีมา กว่า 10 คน ร้องขอความช่วยเหลือ หลังถูกน้ำกัดเซาะบานประตู ไม่สามารถที่จะข้ามออกมาได้

จากกรณีโลกโซเชียลระดมแชร์ แจ้งเตือน! ว่า อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง อำเภอ โนนไทย จังหวัดนครราชสีมา แตกขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ท้ายอ่าง เร่งขนของขึ้นที่สูง พร้อมเฝ้าระวังติดตามมวลน้ำไหลเชี่ยวแรง ล่าสุด วันนี้จันทร์ที่ 27 กันยายน 64 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง พบประชาชนจำนวนมาก กำลังเฝ้าสังเกตุการณ์นำจำนวนมาก ไหลออกจากอ่างลำเชียงไกร บริเวณฝั่งบานประตูที่กำลังสร้างใหม่ ซึ่งน้ำได้กัดเซาะดินพังถล่มลงมา ส่งผลทำให้น้ำไหลเออเข้าท่วมพื้นที่บ้านเรือนประชาชน และการเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก

ด้านนางสมควร นิลดีสระน้อย อายุ 55 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 4 บ้านกุดเวียน ตำบลบัลลังก์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ หลังจากโคราชเกิดฝนตกหนักส่งผลให้น้ำมหาศาลได้ไหลเข้าอ่างลําเชียงไกรตอนล่าง ส่งผลให้คันดินที่อยู่ระหว่างประตูระบายน้ำที่กำลังก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ ได้ถูกน้ำกัดเซาะ ส่งผลให้น้ำจำนวนมหาศาลไหลเออเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนจำนวนหลายหลัง รวมไปถึงบ้านตนเองที่อยู่ติดกับอ่างเก็บน้ำ ซึ่งก็รู้สึกหวาดกลัวน้ำจะท่วมบ้าน อีกทั้ง แคมป์คนงานก่อสร้าง บานประตูระบายน้ำลำเชียงไกร ก็ได้โทรศัพท์มาร้องขอความช่วยเหลือ ถ้ามีคนงาน 10 กว่าคนติดอยู่ ไม่สามารถที่จะข้ามออกมาได้ เพราะน้ำค่อนข้างแรง ตนก็ได้แค่ประสานกับทางเทศบาลตำบลบัลลังก์ ให้หาเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือเนื่องจากว่าแคมป์คนงาน เหลือข้าวกินอยู่ 1 กระสอบ เหมือนกับข้าวก็หาปลาที่อยู่ในน้ำกินประทังชีวิต ซึ่งคนงานทั้งหมดก็รู้สึกหวาดกลัวกลัวน้ำจะเข้าท่วม เพราะอยู่ใกล้กับสันเขื่อนมากที่สุด

ด้าน นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานนครราชสีมา เปิดเผยว่า อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่าง “ยังไม่แตก”ปัจจุบัน อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนล่าง ต.บัลลังก์ อ.โนนไทย จ.นครราชสีมา มีระดับน้ำเก็บกัก 41.96 ล้าน ลบ.ม. (151.49%) ซึ่งเกินระดับเก็บกักสูงสุด และมีน้ำส่วนเกินไหลล้นผ่านทางระบายน้ำล้นฉุกเฉิน (Emergency Spillway) เนื่องจากมีปริมาณน้ำท่าจากลุ่มน้ำลำเชียงไกร ตอนบน อ.เทพารักษ์ และ อ.ด่านขุนทด เป็นปริมาณมากไหลลงสู่ อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร ตอนล่าง จนกระทั่งวันนี้ (26 กันยายน 2564) เวลาประมาณ 13.00 น. น้ำเกิดไหลข้ามทำนบชั่วคราวของบ่อก่อสร้าง และข้างตัวอาคาร กว้างประมาณ 15.00 เมตร จึงได้ใช้ช่องทางระบายน้ำที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารระบายน้ำ เพื่อเพิ่มการระบายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการระบายน้ำ แทนที่จะต้องตัดคันดินที่ต้องเพิ่มการระบายน้ำ เพื่อที่ต้องการให้ปริมาณน้ำออก เท่ากับหรือมากกว่าน้ำเข้า

เพื่อรักษาความปลอดภัยของตัวทำนบดินอ่างเก็บน้ำ ซึ่งยาว 3,600 ม. ปัจจุบัน อัตราการไหลของน้ำผ่านช่องทางทุกช่องทาง ประมาณ 400 ลบ.ม./วินาที เท่ากับอัตราการไหลเข้าของน้ำเข้าอ่างฯ และขอย้ำว่ายังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ล่าสุด เช้าวันนี้ (27 ก.ย.64) ระดับน้ำในอ่างฯ ลดลง 30 ซม. (เริ่มลดลงเวลา 1:00) และเหลือถึงระดับสันทำนบดิน อ่างฯ 60 ซม. หมายถึง ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างฯ ประมาณ 400-500 ลบ.ม.ต่อวินาที < (ลดลง/น้อยกว่า) ปริมาณน้ำที่ไหลออกจากทุกช่องทาง (ช่อง river outlet ซ้าย/ขวา , กาลักน้ำ /สูบน้ำ ,รถสูบซิ่ง ,ทางระบายน้ำฉุกเฉินขวา (Emergency Spillway) ,และช่องบ่อก่อสร้าง ประตูระบายน้ำ( Service Spillway) จึงยังไม่ต้องตัดคันทำนบดินอ่างฯ จุดอื่นเพิ่มการระบายอีก ระดับน้ำในอ่างฯ ทรงตัวและลดลง ทำให้ ไม่เกิดล้นข้ามทำนบดินสันของอ่าง ในลักษณะพังทลาย หรือเขื่อนแตก โดยสามารถบริหารน้ำออกอ่างฯให้มากกว่าหรือเท่ากับน้ำเข้าอ่างฯ รักษาความปลอดภัยเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ พ้นวิกฤติ และบรรเทาความเสียหายด้านท้ายน้ำและยังต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่ยังคงไหลลงมาจากตอนบน ห้วยสามบาท ที่ไหลลงมาอย่างต่อเนื่องต่อไป