รัฐบาลเล็งอัดมาตรการ "กระตุ้นศก."โค้งสุดท้ายของปี หลัง ศบค.คลายล็อกดาวน์
ใกล้คลอดมาตรการเศรษฐกิจ รัฐบาลหวังกระตุ้นโค้งสุดท้ายของปี ประคองจ้างงาน - เพิ่มบริโภค หลัง ศบค.ส่งสัญญาณผ่อนคลายคุมเข้ม เล็งอัดมาตรการทางการคลังเพิ่มแรงส่งทางเศรษฐกิจถึงปีหน้า
แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาลเปิดเผยว่าหลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์ฉุกเฉินการแพร่ระบาดของโควิด-19 (ศบค.) เริ่มผ่อนคลายมาตรการให้กิจการต่างๆเปิดได้เพิ่มขึ้น มีการลดเวลาเคอร์ฟิว และขยายระยะเวลาการเปิดห้างสรรพสินค้าได้ถึง 3 ทุ่ม หลังจากที่ผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง
ในส่วนของความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะออกมาในช่วงเดือน ต.ค.นี้ มีความคืบหน้าไปตามลำดับ โดยทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลประกอบไปด้วยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ กระทรวงการคลัง ได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบื้องต้นได้จัดทำรายละเอียดของมาตรการต่างๆใกล้ที่จะเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่ทันในการเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) 28 ก.ย.นี้
สำหรับมาตรการทางเศรษฐกิจที่จะออกมาเพิ่มเติมในเดือน ต.ค.นี้จะเป็นมาตรการใหม่ที่เข้ามาเสริมให้เศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีสามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และเป็นการเพิ่มเติมจากมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 3 โครงการเราเที่ยวด้วยกันที่มีการขยายระยะเวลาออกมา โดยโครงการที่จะออกมาใหม่มีทั้งในส่วนที่เป็นการประคองและกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยในส่วนของการประคองเศรษฐกิจจะมีมาตรการพยุงการจ้างงาน ช่วยเหลือค่าจ้างของผู้ประกอบการ SMEs ส่วนมาตรการที่จะเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจจะเป็นมาตรการเพิ่มการบริโภคในประเทศ โดยที่ผ่านมาทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลมีการเตรียมการมาตลอดและจะประกาศใช้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ในระดับที่น่าพอใจแล้ว
ทั้งนี้มาตรการที่จะใช้ส่วนใหญ่เป็นมาตรการทางการคลัง โดยใช้เงินกู้จาก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินซึ่งมีเงินสำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจ 1.7 แสนล้านบาท และ ครม.ได้มีการอนุมัติกรอบการใช้เงินไปเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้ว
“การปลดล็อกของ ศบค.เป็นส่วนที่พิจารณาจากสถานการณ์โควิดที่คลี่คลายลง ส่วนมาตรการทางเศรษฐกิจ ที่จะกระตุ้นจะมีตามมาในส่วนที่มีการคลายล็อกในเดือน ต.ค.ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก เตรียมที่จะเสนอ ครม.ได้เร็วๆนี้ โดยในขณะนี้มีการหารือในรายละเอียดต่างๆถึงรูปแบบ และที่มาของแหล่งเงิน ซึ่งบางส่วนใช้เงินกู้ฯบางส่วนใช้เงินจากแหล่งอื่น” แหล่งข่าวระบุ