คลัสเตอร์สถานที่กักตัวก่อนเข้าเรือนจำ กาฬสินธุ์ ติดเชื้อเพิ่มอีก 144 ราย

คลัสเตอร์สถานที่กักตัวก่อนเข้าเรือนจำ กาฬสินธุ์ ติดเชื้อเพิ่มอีก 144 ราย

คลัสเตอร์สถานที่กักตัวรอการพิสูจน์ก่อนเข้าเรือนจำ กาฬสินธุ์ พบมีผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มอีก 144 ราย เจ้าหน้าที่เร่งตรวจคัดกรองและสอบสวนโรค พร้อมตั้งโรงพยาบาลรองรับผู้ป่วย

เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 64 ศูนย์อำนวยการต้านโรคโควิด -19 จ.กาฬสินธุ์ รายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ล่าสุดพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 148 ราย แยกเป็นการติดเชื้อในจังหวัด 1 ราย ต่างจังหวัด 1ราย พบเชื้อระหว่างกักตัว 2 ราย และติดเชื้อในสถานที่กักตัวก่อนเข้าเรือนจำ (เรือนจำโครงสร้างเบา) 144 ราย หายป่วยวันนี้ 18 ราย ยอดติดเชื้อสะสม 7,903 ราย หายป่วยสะสม 7,447 ราย กำลังรักษา 402 ราย และมีผู้เสียชีวิตสะสม 54 ราย

สำหรับกรณีพบคลัสเตอร์ในสถานกักตัวก่อนเข้าเรือนจำ (เรือนจำโครงสร้างเบาโคกคำม่วง) อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นสถานที่เพื่อการควบคุมตัวและสถานที่เพื่อการพิสูจน์ในคดียาเสพติด ก่อนหน้านี้มีผู้ติดเชื้อแล้ว 16 ราย ล่าสุดจากการตรวจคัดกรองเชิงรุกของเจ้าหน้าที่พบมีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 144 ราย เป็นผู้ที่ถูกส่งตัวเข้ามาเพื่อรอการพิสูจน์ 142 ราย และผู้คุม 2 ราย จากการตรวจหาเชื้อกว่า 220 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อคลัสเตอร์นี้แล้วรวม 160 ราย

ทั้งนี้มีรายงานว่านายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการ จ.กาฬสินธุ์ นายแพทย์อภิชัย ลิมานนท์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เข้าติดตามสถานการณ์ พร้อมนำอุปกรณ์ในการป้องกันและปฏิบัติหน้าที่มอบให้กับเจ้าหน้าที่ โดยล่าสุดได้มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนามภายในสถานที่กักกัน เพื่อรองรับและรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ซึ่งแต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ และการแพร่เชื้อยังอยู่ในวงจำกัด พร้อมทำการแยกผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อออกจากกัน

อย่างไรก็ตามในส่วนผู้ที่ติดเชื้อ ซึ่งเป็นหญิง ที่ถูกส่งตัวเข้ามากักตัวรอการตรวจพิสูจน์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นต้นเชื้อที่เข้ามาในสถานที่ดังกล่าวนั้น ได้ถูกนำตัวเข้ารักษาตามระบบแล้ว ส่วนชายอีก 2 ราย อยู่ในพื้นที่ อ.นาคู และ อ.สามชัย ซึ่งเป็นผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ที่ติดเชื้อโควิด-19 และถูกปล่อยตัวออกไปตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2564 และได้มีการสัมผัสกับบุคคลใกล้ชิดที่ภูมิลำเนานั้น ขณะนี้ได้เข้าสู่ระบบการรักษาที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้เข้าสอบสวนโรค และติดตามตัวผู้สัมผัสกลุ่มเสี่ยงตรวจหาเชื้อได้ทั้งหมดแล้ว