ผบ.ทร. สั่งกรมอู่ฯต่อเรือผลักดันน้ำเพิ่ม รับสถานการณ์น้ำในอนาคต
ผบ.ทร. สั่งกรมอู่ฯต่อเรือผลักดันน้ำเพิ่ม รับสถานการณ์ในอนาคต ด้าน โฆษก ทร.แจงเหตุเรือผลักดันน้ำล่มที่คลองสำโรง เชื่อสถานการณ์นำ้ยังไม่มากเท่าปี 2554
8 ต.ค.2564 พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือได้เปิดเผยถึงกรณีที่เกิดเหตุการณ์เครื่องผลักดันน้ำของกองทัพเรือจมบริเวณคลองสำโรง ตำบลบางพลีใหญ่อำเภอบางพลีจังหวัดสมุทรปราการขณะกำลังดำเนินการผลักดันน้ำในคลองสู่ทะเล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2564 ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดจากเครื่องพ่นน้ำรั่วระหว่างเดินเครื่องผลักดันน้ำ เพราะขนะเข้าไปติดภายใน ส่งผลให้น้ำไหลเข้าเรือเร็วและระบายไม่ทัน ซึ่งทันทีที่เกิดเหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ที่ดูแลประจำพื้นที่ได้รีบนำเครื่องสูบน้ำฉุกเฉิน ออกมาเร่งดำเนินการแก้ไข
แต่เนื่องจากบริเวณที่ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำเป็นจุดที่เข้าถึงยาก ทำให้ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ซึ่งลักษณะการติดตั้งเรือจะผูกติดกันไว้เป็นคู่ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจปลดตัวยึดล็อค ของเครื่องผลักดันน้ำอีกลำหนึ่งแต่ไม่ทันการณ์ ทำให้ เครื่องผลักดันน้ำเครื่องที่สอง ถูกเครื่องแรกที่มีปัญหาดึงจมลงไปด้วย
ซึ่งจากการตรวจสอบล่าสุดพบว่าสาเหตุการทำให้เรือจมเนื่องจาก มีเศษไม้ที่เป็นขยะแข็งเข้าไปทำให้ Water jet ขัดตัวเกิดการชำรุดแตกเสียหายน้ำเข้าเรือ ส่วนลำที่ 2 สาเหตุ เกิดจากการ การผูกยึดกับลำที่ 1 ดึงจมลง
ในส่วนของการกู้เครื่องผลักดันน้ำขึ้นมานั้น ทางชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำจะเร่งดำเนินการ ในวันนี้ ซึ่งการดำเนินการคาดว่าไม่มีอุปสรรคข้อขัดข้อง เนื่องจาก ระดับน้ำในคลองมีความลึกไม่เกิน 3 เมตร กระแสน้ำไม่ไหลเชี่ยว อีกทั้งเครื่องผลักดันน้ำ มี น้ำหนักเพียง 4 ตัน สามารถใช้เครนยกขึ้นมาได้
จากนั้นจะนำไปดำเนินการซ่อมทำที่กรมอู่ทหารเรือซึ่งเป็นหน่วย วิทยาการในการซ่อมทำอยู่แล้ว นอกจากนั้น ระบบของเครื่องผลักดันน้ำ ไม่ใช่ระบบอิเล็กทรอนิกส์จึงสามารถดำเนินการซ่อมได้ไม่ยากทั้งนี้ ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ จะเคลื่อนย้ายเครื่องผลักดันน้ำ 2 ลำไปทดแทน เพื่อให้คงประสิทธิภาพในการเร่งระบายน้ำเช่นเดิม
ปัจจุบัน กองทัพเรือได้ส่งเรือผลักดันน้ำ เข้าดำเนินการเร่งผลักดันน้ำในพื้นที่ต่างๆจำนวน 58 ลำโดยได้เดินเครื่องตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน เป็นต้นมา โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 08.00 น ถึง 18.00 น ของทุกวัน ทำให้อาจมีการสึกหรอและชำรุดของอุปกรณ์ แต่อย่างไรก็ตามทางชุดเฉพาะกิจผลักดันน้ำก็ได้มีการเตรียมอุปกรณ์ และ กำลังพลในการซ่อมทำให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา
ในปัจจุบัน ทร.มีเรือผลักดันน้ำประจำการ100 ลำ และได้ส่งไปที่สุพรรณบุรี 20 ลำ สมุทรปราการ26 ลำ และทางผู้ว่าฯกทม. ประสานขอมา12 ลำ โดย พลเรือเอกสมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้ต่อเรือผลักดันน้ำเพิ่มเติม เนื่องจากอนาคตอาจจะต้องใช้เรือจำนวนมาก จึงให้ทางกรมอู่ทหารเรือไปพิจารณาความต้องการว่าจะต่อเพิ่มจำนวนเท่าไหร่ตอนนี้ยังไม่มีการระบุจำนวน
สำหรับการเตรียมความพร้อมหากสถานการณ์น้ำวิกฤติขึ้น โฆษกกองทัพเรือกล่าวว่า อาจจะต้องมีการใช้เรือระบายพลขนาดเล็กเช่น เรือหลวงลิ้น ที่เคยผลักดันน้ำในปี 2554 เข้าช่วยเหลือผลักดันน้ำเพิ่มเติม จากการประเมินสถานการณ์ร่วมกับ ปภ.และ กรมอุตุฯ ยังไม่น่าเป็นห่วง แต่ยังคงต้องติดตามดูพายุไลออนล็อกที่อยู่นิ่ง ยังไม่มีการเคลื่อนตัว แต่ภาพรวมเชื่อว่าปริมาณน้ำจะไม่มากเท่าปี2554