ชป.เฝ้าระวังลุ่มน้ำเจ้าพระยาและท่าจีน น้ำเพิ่มสูงขึ้น ช่วง 20-30 ต.ค.นี้
กรมชลประทาน เฝ้าระวังลุ่มน้ำเจ้าพระยาและท่าจีน ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ช่วงวันที่ 20-30 ต.ค.นี้ จากอิทธิพลของร่องมรสุม
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.64 ตามประกาศกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ฉบับที่ 24/2564 เรื่อง “เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน”
จากอิทธิพลของร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ในช่วงวันที่ 14 – 17 ตุลาคม 2564
ส่งผลให้มีฝนตกหนัก บริเวณลุ่มน้ำปิง เจ้าพระยา สะแกกรัง ท่าจีน และป่าสัก ทำให้เกิดน้ำไหลล้นทางระบายน้ำล้นเขื่อนทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี เขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี และจังหวัดสระบุรี รวมทั้งทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำปิง แม่น้ำสะแกกรัง แม่น้ำป่าสัก คลองชัยนาท-ป่าสัก แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำท่าจีน เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้ประเมินวิเคราะห์ปริมาณฝนตก (ONE MAP) ร่วมกับกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) คาดการณ์ปริมาณน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาจากแม่น้ำปิง จะทำให้มีน้ำไหลผ่านบริเวณอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ สูงสุดประมาณ 3,000 – 3,100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในวันที่ 22 ตุลาคม 2564
กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำและผันน้ำเข้าคลองต่าง ๆ ด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยา ในเกณฑ์ 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนเจ้าพระยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ประมาณ 0.20 - 0.40 เมตร ในช่วงวันที่ 23 - 30 ตุลาคม 2564
สำหรับแม่น้ำท่าจีน น้ำที่ไหลล้นข้ามทางระบายน้ำลัน เขื่อนกระเสียว จะไหลไปสมทบกับปริมาณน้ำท่าที่เกิดจากฝนตกด้านท้ายเขื่อน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงแม่น้ำท่าจีน 150 - 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทั้งนี้ จะบริหารจัดการโดยผันน้ำเข้าทุ่งโพธิ์พระยา เพื่อลดปริมาณน้ำหลาก ปริมาณน้ำส่วนที่เหลือจะส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำท่าจีน ตั้งแต่จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดนครปฐม และจังหวัดสมุทรสาคร มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน ประมาณ 0.30 - 0.50 เมตร ในช่วงวันที่ 20 – 27 ตุลาคม 2564
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อประชาชน ได้กำชับให้สำนักงานชลประทานที่ 3 , 10 - 13 และสำนักเครื่องจักรกล ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่จุดเสี่ยงและพื้นที่ที่ยังคงมี สถานการณ์น้ำท่วมขัง พร้อมกับให้ประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและประชาชนทราบสถานการณ์ล่วงหน้า
รวมทั้งตรวจสอบแนวคันกั้นน้ำ ความแข็งแรงและจุดรั่วซึมของแนวป้องกันน้ำท่วม เพื่อป้องกันน้ำล้นข้ามแนวคันกั้นน้ำ และปรับแผนบริหารจัดการ การระบายน้ำของเขื่อนและประตูระบายน้ำ เพื่อพร่องน้ำและเร่งระบายน้ำในลำน้ำ แม่น้ำ ไว้รองรับน้ำหลากจากพื้นที่ตอนบน เพื่อลดผลกระทบความรุนแรงของอุทกภัยและให้สถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด