อีลอน มัสก์ รวยลดลง 5 หมื่นล้านดอลล์ หลังหุ้นเทสลาดิ่ง 2 วันติด
“อีลอน มัสก์” สูญเงิน 50,000 ล้านดอลลาร์ภายในเวลาสองวัน หลังราคาหุ้นเทสลาปิดร่วงลงติดต่อกันในช่วงต้นสัปดาห์ ถือว่าร่วงลงหนักสุดในรอบ 14 เดือน
มูลค่าตลาดของบริษัทเทสลา อิงค์ ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ ปรับตัวลงเกือบ 175,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่หุ้นของเทสลาร่วงหนักสุดในรอบ 14 เดือน ติดต่อกัน 2 วันนับตั้งแต่ต้นสัปดาห์
มัสก์ ได้สร้างความประหลาดใจด้วยการทวีตเมื่อคืนวันเสาร์ (6 พ.ย.)ที่ผ่านมา สอบถามผู้ติดตามทวิตเตอร์ของเขาที่มีถึง 62.8 ล้านคน ว่าเขาควรขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทเทสลา 10% ดีหรือไม่ แถมยังบอกด้วยว่าเขาเตรียมพร้อมรับผลโพลที่จะออกมา แต่ก็ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจะขายหุ้นเมื่อใดหรือด้วยวิธีใด
ข้อเสนอของมัสก์มีขึ้นหลังจากสมาชิกพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสเสนอให้จัดเก็บภาษีพวกที่รวยล้นฟ้าให้มากขึ้น ด้วยการพุ่งเป้าที่การถือหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตามปกติแล้วจะเสียภาษีก็ต่อเมื่อขายหุ้น และมัสก์เคยวิจารณ์แผนดังกล่าวเมื่อปลายเดือนที่แล้ว โดยทวีตว่า ในที่สุด เมื่อพวกเขาดูดเงินของคนอื่นจนเกลี้ยงแล้ว พวกเขาก็จะมาหาคุณ
ซีอีโอของเทสลาบอกว่า เขาไม่ได้รับเงินเดือนหรือโบนัสจากบริษัทต่างๆ ที่เขาบริหารหรือถือหุ้นอยู่ ซึ่งหมายความว่าเขาไม่มีรายได้ที่ต้องจ่ายภาษีเงินได้
แต่รายงานข่าวระบุว่า มัสก์มีรายได้มหาศาลจากผลตอบแทนผ่านออปชันของผู้ที่ถือครองหุ้นและหุ้นแปลงสภาพ เมื่อบริษัททำผลงานได้ตามเป้าหมายหรือราคาหุ้นเพิ่มขึ้นถึงระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ราคาหุ้นของเทสลาจะดิ่งลงและทำให้มัสก์สูญเงินจำนวนมาก แต่เขายังคงครองอันดับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในดัชนีมหาเศรษฐีพันล้านของบลูมเบิร์ก โดยยังคงมีทรัพย์สินมากกว่า เจฟฟ์ เบซอส มหาเศรษฐีอันดับสอง เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ช อเมซอน อยู่ถึง 83,000 ล้านดอลลาร์
เว็บไซต์บลูมเบิร์ก รายงานว่า ความมั่งคั่งที่หายไปในช่วงเวลาสองวันของมัสก์ ถือเป็นสถิติใหม่ของทำเนียบมหาเศรษฐีของบลูมเบิร์ก เป็นความสูญเสียในช่วงเวลาสองวันที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา
นอกจากนี้ ยังเป็นความมั่งคั่งที่ลดลงมากที่สุดภายในวันเดียว นับตั้งแต่ที่มีการจัดอันดับ โดยครั้งที่ลดลงแรงที่สุดก่อนหน้านี้ คือเมื่อคราวที่เบซอสหย่ากับภรรยาในปี 2561 ซึ่งครั้งนั้นเบซอสจ่ายค่าหย่าให้อดีตภรรยาไป 36,000 ล้านดอลลาร์