"กรมราชทัณฑ์" พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง เตรียม EXIT เรือนจำอีก 5 แห่งเดือนนี้
สถานการณ์โควิด-19 "กรมราชทัณฑ์" พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง มีผู้ติดเชื้อรักษาหายแล้ว 93.2% ขณะที่ไม่พบเรือนจำระบาดใหม่นาน 10 วัน และเตรียม EXIT เรือนจำอีก 5 แห่งเดือนนี้
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.64 เวลา 09.00 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 82/2564 โดยมี นางสาวณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษก ศบค.ยธ. เปิดเผยว่า ภาพรวมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถานวันนี้ ไม่พบเรือนจำระบาดใหม่ต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 โดยมีเรือนจำสีขาวอยู่ที่ 127 แห่ง และเรือนจำสีแดงอยู่ที่ 15 แห่ง ซึ่งในจำนวนดังกล่าว เป็นเรือนจำที่อยู่ระหว่างควบคุมการระบาด 7 แห่ง (ระบาดใหม่ 5 แห่ง และระบาดซ้ำในแดนบางส่วน 2 แห่ง)
ขณะที่มีเรือนจำอยู่ในแผนสิ้นสุดการระบาดของโรค (แผน EXIT) จำนวน 8 แห่ง โดยมีกำหนดวัน EXIT แล้ว 5 แห่งภายในเดือนธันวาคมนี้ เริ่มจากเรือนจำจังหวัดชุมพรในวันพรุ่งนี้ (8 ธันวาคม)
ขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ พบเพิ่ม 12 ราย โดยเป็นการตรวจพบในห้องแยกกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ทุกราย มีผู้ติดเชื้อที่รักษาหายเพิ่ม จำนวน 162 ราย และไม่มีรายงานการเสียชีวิตติดต่อกันเป็นเวลา 18 วัน ทำให้มีผู้ติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 3,521 ราย (กลุ่มสีเขียว 89.2% สีเหลือง 10.7% และสีแดง 0.1%) มีผู้ติดเชื้อรักษาหายสะสม 80,067 ราย หรือ 93.2% ของผู้ติดเชื้อสะสม 85,872 ราย เสียชีวิตสะสม 183 ราย คิดเป็น 0.2% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า ในที่ประชุม ศบค.ยธ. โดยมีปลัดกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานการประชุม ได้เน้นย้ำทุกฝ่ายปฏิบัติตามแผนบริหารสถานการณ์อย่างเคร่งครัดและเป็นระบบ อาทิ ระบบห้องกักโรคผู้ต้องขังรับใหม่ การฉีดวัคซีนในผู้ต้องขังให้ครบโดสเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน การตรวจคัดกรองและรักษาผู้ติดเชื้อที่รวดเร็วและได้มาตรฐานทางการแพทย์ รวมถึงระบบการตรวจเชื้อและแยกกักโรคก่อนปล่อยตัวผู้พ้นโทษ ซึ่งพบว่ามีการบริหารจัดการที่เป็นระบบอยู่แล้ว โดยจะเห็นได้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในเรือนจำและทัณฑสถานที่เริ่มคลี่คลายลง ทั้งในส่วนของจำนวนผู้ติดเชื้อ รวมทั้งสถานการณ์เรือนจำแพร่ระบาดที่ชะลอตัวลงและมีแนวโน้มที่ดีขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์การระบาดของเชื้อจากภายนอกอยู่เสมอ โดยเฉพาะจากเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ที่ต้องเร่งศึกษาลักษณะการแพร่ระบาดและอาการเจ็บป่วยเพิ่มเติม เพื่อปรับปรุงระบบการป้องกันและรักษาให้มีความรัดกุมและป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ ในส่วนของการบริหารจัดการวัคซีนแก่ผู้ต้องขัง ปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนแก่ผู้ต้องขังไปแล้ว เป็นเข็มที่ 1 จำนวน 229,084 ราย เป็นวัคซีนกระตุ้นหลังหายจากการติดเชื้อ จำนวน 51,035 ราย เป็นเข็มที่ 2 จำนวน 206,236 ราย เป็นเข็มที่ 3 จำนวน 26,447 ราย โดยมีผู้ต้องขังที่ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 เข็ม หรือครบโดสแล้ว จำนวน 283,718 ราย
ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ประจำวันอังคารที่ 7 ธันวาคม 2564 มีผู้ติดเชื้อและอยู่ระหว่างการรักษาตัว จำนวน 32 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 6 ราย และเยาวชน 26 ราย ด้านผลการดำเนินงานสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว มีจำนวน 51 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 5 แห่ง แยกเป็นติดเชื้อ 3 แห่ง และหมดสถานะสีขาว 2 แห่ง ขณะที่สถิติการฉีดวัคซีนของเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 3,040 ราย หรือคิดเป็น 77% จากทั้งหมด 3,946 ราย และเจ้าหน้าที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 3,907 ราย หรือคิดเป็น 93% จากทั้งหมด 4,207 ราย