รายละเอียด! ลงโทษไล่ออก ผอ.ฉาว ใช้รถราชการ-เบิกน้ำมัน เสมือนรถส่วนตัว นาน 8 ปี

รายละเอียด! ลงโทษไล่ออก ผอ.ฉาว ใช้รถราชการ-เบิกน้ำมัน เสมือนรถส่วนตัว นาน 8 ปี

ฮอตโซเชียล นายกฯเทศบาลนครตรัง ลงนามคำสั่งลงโทษไล่ออก ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม นำรถหลวงไปบ้านเมีย เบิกน้ำมันหลวง เดือนละ 100 ลิตร ยาวนานกว่า 8 ปี หลังถูก "ป.ป.ช." ชี้มูล ใช้รถราชการเสมือนรถส่วนตัว

ผู้สื่อข่าวรายงาน ตามคำสั่งเทศบาลนครตรัง ที่ 1447/2564 ลงนามโดย นายสัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีนครตรัง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง ลงโทษไล่ออกจากราชการ นายรณรงค์ (สงวนนามสกุล) ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม เทศบาลนครตรัง (นักบริหารงานสวัสดิการสังคม ระดับกลาง) เงินเดือน 55,840 บาท ได้กระทำผิดวินัย กรณีนำรถยนต์ส่วนกลางของทางราชการหมายเลขทะเบียน กง 5459 ตรัง ไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว และเบิกจ่ายเงินค่าน้ำมันเชื้อเพลิงในการใช้รถยนต์คันดังกล่าวจากทางราชการโดยมิชอบ ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2552 ถึงเดือน พ.ค. 2559

เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง 

  • ฐานปฏิบัติหรือละเว้นหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ เพื่อให้ตนเอง หรือบุคคลอื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้ เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ 
  • ฐานประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการอันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง 
  • ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยจงใจไม่ปฏิบัติกฎหมาย กฎ ระเบียบ ของทางราชการ มติคณะรัฐมนตรีหรือนโยบายของรัฐบาล อันเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง

ตามข้อ 3 วรรคสาม ข้อ 5 วรรคสอง และข้อ 6 วรรคสอง แห่งประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลนครตรัง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวนการลงโทษทางวินัย พ.ศ. 2558 และคณะกรรมการพนักงานเทศบาลนครตรังในการประชุมครั้งที่ 10/2564 วันที่ 26 ต.ค. 64 

มี มติให้ลงโทษไล่ออก นายรณรงค์ ออกจากราชการ อาศัยอำนาจตามมาตรา 15 มาตรา 23 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 และข้อ85 แห่งประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลนครตรัง เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวนการลงโทษทางวินัย พ.ศ. 2558

รายละเอียด! ลงโทษไล่ออก ผอ.ฉาว ใช้รถราชการ-เบิกน้ำมัน เสมือนรถส่วนตัว นาน 8 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำ จ.ตรัง ได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหาในกรณีดังกล่าว มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 72/2564 ที่ประชุมพิจารณาแล้ว มีมติเป็น เอกฉันท์ ด้วยคะแนนเสียง 9 เสียง เห็นชอบตามความเห็นของคณะผู้ไต่สวนเบื้องต้นว่า นายรณรงค์ ผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม ได้ใช้อำนาจครอบครองรถยนต์คันดังกล่าว เพื่อประโยชน์ของตนเองโดยมิชอบ

นำรถไปใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไป -กลับ ระหว่างบ้านพักเลขที่ 80/3 ซอย 4 ถนนวิเศษกุล ต.ทับเที่ยง อ.เมืองตรัง จ.ตรัง กับสำนักงานเทศบาลนครตรังเป็นประจำทุกวัน เดินทางไปร่วมงานสังคมต่างๆ เช่น งานศพ งานบวช งานแต่งงาน และงานประเพณีต่างๆ และเดินทางไปบ้านของมารดาของภรรยานายรณรงค์ ที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง บ่อยครั้ง เสมือนว่าเป็นรถส่วนบุคคล 

และในการใช้รถยนต์คันดังกล่าว ได้เบิกจ่ายเงินค่าน้ำมันเชื้อเพลิงจากเทศบาลนครตรังทุกครั้งเดือนละประมาณ 100 ลิตร อันเป็นการเบียดบังน้ำมันเชื้อเพลิงของเทศบาลนครตรัง รวมทั้งได้นำรถยนต์คันดังกล่าวไปจอดเก็บรักษาไว้ที่บ้านพักของตนเองตลอดมา โดยไม่มีเหตุผลความจำเป็น และไม่มีการขออนุญาตจากนายกเทศมนตรีนครตรัง เพื่อประโยชน์ของตนเอง

รายละเอียด! ลงโทษไล่ออก ผอ.ฉาว ใช้รถราชการ-เบิกน้ำมัน เสมือนรถส่วนตัว นาน 8 ปี

การกระทำของนายรณรงค์ ผู้ถูกกล่าวหา ยังคงมีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำจัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต 

ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 มาตรา 151 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 และมาตรา 91 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา127/1 ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561มาตรา 192 และมีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ