สศอ. ปรับแผนปี 65 มุ่งพัฒนา 5 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จัดงาน OIE FORUM 2021 Thailand Industry Beyond Next Normal : อุตสาหกรรมไทยก้าวไกล สู่ยุคใหม่ที่ยั่งยืน พร้อมชูแนวทางขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่โลกวิถีใหม่ ยกระดับความสามารถการแข่งขัน ควบคู่กับการดูแลสังคม และสิ่งแวดล้อม
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในงานประจำปีของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) หรือ OIE Forum ปี 2564 ในหัวข้อ “Thailand Industry Beyond Next Normal : อุตสาหกรรมไทยก้าวไกล สู่ยุคใหม่ที่ยั่งยืน” ว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมไทยยังอยู่ในภาวะที่ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ที่ส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจ ภาคการผลิต การจำหน่าย และการส่งออก
ขณะเดียวกันการดำเนินชีวิตของทุกคนทั่วโลกต้องปรับตัวเพื่อก้าวสู่วิถีต่อไปในการดำรงชีวิต (Next Normal) เช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรม ที่มีการปรับสายการผลิตสู่ระบบการผลิตแบบอัตโนมัติเพื่อทดแทนการใช้แรงงาน อีกทั้งการเกิดโอกาสใหม่ในบางอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น
ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมได้ดำเนินการเพื่อรองรับสถานการณ์ รวมถึงมาตรการสำคัญต่าง ๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบอย่างเร่งด่วน โดยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพอย่างจริงจังและต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางของกรอบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 ซึ่งกำหนดประเด็นในการสร้างเศรษฐกิจมูลค่าสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โดยปรับทิศทางภาคการผลิตจากเดิม ส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ พร้อมมุ่งเน้นอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่
อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต เพื่อตอบรับทิศทางการพัฒนาของตลาดยานยนต์โลก รวมทั้งการไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และแก้ไขปัญหามลพิษ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 เพื่อเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน สะท้อนจากการตั้งเป้าหมายการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า Zero Emission Vehicles หรือ ZEV จำนวน 725,000 คันต่อปี หรือ 30% ของการผลิตรถยนต์ภายในปี พ.ศ. 2573 (ค.ศ. 2030) โดยมีมาตรการที่สำคัญ อาทิ จัดทำมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าในปี 2564 จะประกาศมาตรฐานยานยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วน และมาตรฐานการประจุไฟฟ้าได้รวม 97 มาตรฐาน
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ เป็นอุตสาหกรรมศักยภาพที่มีความสำคัญทั้งในเชิงเศรษฐกิจและความมั่นคง ด้านสาธารณสุขของประเทศ สอดคล้องกับแผนการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ หรือ Medical Hub อีกทั้งตอบสนองนโยบาย BCG Model โดยมุ่งเป้าหมายระยะยาวให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องมือแพทย์ในอาเซียนภายในปี 2570
อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ มีเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นผู้นำในการผลิตและการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในอาเซียน โดยมีเทคโนโลยีเป็นของตนเองภายในปี 2569 ขับเคลื่อนผ่าน 3 กลไกหลัก คือ การกระตุ้นและส่งเสริมการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในประเทศ การพัฒนาผู้ผลิตเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ พัฒนา System Integrator (SI) ในประเทศ และการจัดตั้ง Center of Robotic Excellence หรือ CoRE เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและบุคลากรรองรับอุตสาหกรรมผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
อุตสาหกรรมชีวภาพ กำหนดเป้าหมายผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น Bio Hub of ASEAN ภายในปี 2570 เน้นให้เกิดการลงทุนในผลิตภัณฑ์เป้าหมาย 3 กลุ่ม ได้แก่ พลาสติกชีวภาพ เคมีชีวภาพ และชีวเภสัชภัณฑ์
อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ตั้งเป้าไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารอนาคตแห่งอาเซียนควบคู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
รวมทั้งสนับสนุนอุตสาหกรรมภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG โดยการยกระดับสถานประกอบการสู่การเป็นอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy รวมไปถึงการปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ ตลอดจนวิธีการกำกับดูแลสถานประกอบการที่สะท้อนแนวคิดตามโมเดล BCG เพื่อให้ภาคเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สังคม และสิ่งแวดล้อม มีการพัฒนาในทิศทางที่สมดุล
นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวว่า การจัดงานประจำปีถือเป็นครั้งแรกกับการจัดนิทรรศการรูปแบบออนไลน์เสมือนจริงหรือ Virtual Exhibition ที่ผู้เข้าร่วมงานสามารถรับชมบูทนำเสนอภารกิจของ สศอ.ได้ทั้ง 10 บูท โดยมีผู้เข้าร่วมงานจากหลากหลายสาขาอาชีพ อาทิ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ภาคเอกชน ภาครัฐ ภาคประชาสังคม สมาคม มูลนิธิ สถาบัน นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ สื่อมวลชน ตลอดจนผู้สนใจทั่วไป ประมาณ 800 คน
“นอกจากการนำเสนอการดำเนินงานและแนวนโยบายการพัฒนาอุตสาหกรรมแล้ว สศอ. มุ่งหวังให้การจัดงานครั้งนี้เป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการพัฒนาและยกระดับความสามารถการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมจากผู้ทรงคุณวุฒิและผู้มีประสบการณ์ ซึ่งจะช่วยเติมเต็มศักยภาพอุตสาหกรรมไทยให้เข้มแข็ง พร้อมก้าวสู่การเป็นอุตสาหกรรมที่ตอบรับกับชีวิตวิถีใหม่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไปในอนาคต” ผู้อำนวยการ สศอ. กล่าวปิดท้าย