กวาดล้างอาชญากรรมเทคโนโลยี เทศกาลปีใหม่ 2565 จับผู้ต้องหากว่า 3,000 ราย
ตำรวจ PCT แถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 จับกุมผู้ต้องหากว่า 3,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท
วันนี้ (6 ม.ค. 65) เวลา 10.30 น. ที่สํานักงานตํารวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อํานวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT, พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท., พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. ร่วมแถลงผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทั่วประเทศ ช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565
พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ ฯ เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งระดมกวาดล้างอาชญากรรมทั่วไปและอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่ 25 ธ.ค.64 - 3 ม.ค.65 เพราะเป็นช่วงที่พี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้าน และมีการสังสรรค์ เกรงจะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ซึ่งจากผลการระดมกวาดล้าง สามารถจับกุมการกระทําความผิดอาชญากรรมทั่วไปได้จํานวน 3,634 ราย การกระทําความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยีอีก 172 ราย มูลค่าความเสียหายรวมกว่า 356 ล้านบาท โดยพบเป็นเงินทุนหมุนเวียนที่เกี่ยวกับการพนันออนไลน์ถึง 335 ล้านบาท
พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ ฯ กล่าวอีกว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผบก.สส.สตม. หัวหน้าชุดปฏิบัติการที่ 1 พร้อมกําลังสืบสวนปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ รวมถึงการลักลอบจําหน่ายสิ่งของผิดกฎหมายต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น ยาเสพติด อาวุธปืน ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าร้านค้าออนไลน์หลายรายได้จําหน่ายสิ่งเทียมอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ส่วนประกอบอาวุธปืน ออกไปแล้วจํานวนมาก หลังจากได้เป้าหมายแล้ว ได้ประสานไปยังตํารวจภูธร ภาค 1-9 ตํารวจนครบาล ตรวจคนเข้าเมือง และตำรวจท่องเที่ยว ร่วมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย โดยเน้นไปยังกลุ่มที่สั่งซื้อสิ่งเทียมอาวุธปืน (บีบีกัน) ส่วนประกอบอาวุธปืน เช่น ลํากล้อง ชุดอุปกรณ์ลั่นไก เพื่อนําไปดัดแปลงให้สามารถยิงกระสุนจริงออกมาได้ และกลุ่มที่สั่งซื้อเครื่องกระสุนปืนเพื่อนําไปใช้กับอาวุธปืนผิดกฎหมายได้ใช้การประกาศโฆษณาขายสินค้าโดยทําการอําพรางชื่อเพื่อป้องกันการถูกตรวจสอบ
โดยในวันที่ 3 ม.ค.65 ได้ทําการปิดล้อมตรวจค้น จํานวน 60 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ จํานวน 31 ราย พร้อมของกลาง 5 รายการ ดังนี้
1. อาวุธปืนสงคราม จํานวน 1 กระบอก
2. อาวุธปืน จํานวน 49 กระบอก
3. เครื่องกระสุนปืน จํานวน 1,566 นัด
4. ยาบ้า จํานวน 203 เม็ด
5. ยาไอซ์ จํานวน 2.85 กรัม
6. กัญชาอัดแท่ง จํานวน 15 กรัม
ซึ่งการปิดล้อมตรวจค้นในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 19 พ.ย.64 ชุดปฏิบัติเดียวกันนี้ได้เข้าปิดล้อมตรวจค้นไปแล้ว จํานวน 40 เป้าหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 24 ราย พร้อมของกลาง 6 รายการ คือ
1. อาวุธปืน จํานวน 23 กระบอก
2. เครื่องกระสุนปืน จํานวน 1,005 นัด
3. วัตถุระเบิดปิงปอง จํานวน 1 ลูก
4. ยาบ้า จํานวน 9,902 เม็ด
5. ยาไอซ์ จํานวน 0.94 กรัม
6. กัญชาอัดแท่ง จํานวน 6.34 กรัม
ภาพรวมขณะนี้ได้ทําการตรวจค้นเป้าหมายลักลอบขายอาวุธปืนทางออนไลน์ไปแล้ว 100 เป้าหมาย จับกุมผู้ต้องหาทั้งสิ้น 55 ราย ตรวจยึดของกลางเป็นอาวุธปืนสงคราม 1 กระบอก , อาวุธปืน 72 กระบอก ,วัตถุระเบิดปิงปอง จํานวน 1 ลูก , เครื่องกระสุนปืน จํานวน 2,571 นัด และยาบ้าอีก จํานวน 10,105 เม็ด ยาไอซ์ 3.79 กรัม , กัญชาอัดแท่ง จํานวน 21.34 กรัม โดยหลังจากนี้จะได้ขยายผลไปยังร้านค้าที่ลักลอบขายปืนบนแพลทฟอร์มออนไลน์ต่อไป
ผอ. PCT กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มีความห่วงใยในห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ประชาชนใช้สื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น อาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย จึงได้กําชับให้ทุกหน่วยเร่งปราบปรามผู้กระทําผิดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งนี้หากพบเบาะแส หรือเกรงจะตกเป็นเหยื่อ สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ สายด่วน PCT 1599 ตลอด 24 ชม. หรือสายตรง 081-8663000 หรือ www.pct.police.go.th