สั่ง “กรมทะเล” เฝ้าระวังเหตุเรือบรรทุกน้ำมันอับปาง ห่วงกระทบสิ่งแวดล้อม
“วราวุธ” สั่ง “กรมทะเล” เฝ้าระวังเหตุเรือบรรทุกน้ำมันอับปาง จ. ชุมพร ห่วงผลกระทบสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเล
กรณีเรือบรรทุกน้ำมันดีเซล ป. อันดามัน 2 อับปางกลางอ่าวไทย ห่างจากปากน้ำชุมพรประมาณ 24 ไมล์ทะเล หรือ 45 กิโลเมตร ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา โดยเรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าว มีน้ำมันอยู่ราว 5 แสนลิตร หรือประมาณ 415 ตัน
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กังวลผลกระทบสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสำรวจและติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง ด้านกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเผยแผนการทำงานร่วมกับกองทัพเรือจัดเรือหลวงบางระจันพร้อมยานสำรวจใต้น้ำติดตามประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า กรณีเรือบรรทุกน้ำมันดีเซลกว่า 5 แสนลิตร อับปางกลางอ่าวไทย ทราบว่า บริษัท ไทยแหลมทองค้าน้ำมันประมง จำกัด เป็นเจ้าของเรือ ป. อันดามัน 2 ลำดังกล่าว และจากการประเมินสถานการณ์ความรุนแรงเบื้องต้น ยังอยู่ในระดับ 1 (Tier I) มีน้ำมันรั่วไหลขนาดเล็ก ไม่เกิน 20 ตันลิตร ซึ่งจะต้องใช้ทุ่นกักเก็บน้ำมัน (Boom) ความยาวกว่า 800 เมตร พร้อมใช้สารขจัดคราบน้ำมันกว่า 700 ลิตร เพื่อจัดการคราบน้ำมันดังกล่าว
ทั้งนี้ ยังคงต้องเฝ้าสังเกตการณ์ในพื้นที่ โดยทราบว่า หากสถานการณ์ถูกยกระดับเป็นระดับ 2 (Tier II) กรณีน้ำมันรั่วไหลราว 20 – 100 ตันลิตร กองทัพเรือ จะได้เตรียมการจัดตั้งศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการในการขจัดคราบน้ำมัน ตามแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันแห่งชาติ พ.ศ. 2545
อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกำชับกรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ประสานความร่วมมือกับทหารเรือ กรมเจ้าท่า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตลอด 24 ชั่วโมง และให้รายงานผลการดำเนินงานให้ตนทราบทุกระยะ พร้อมทั้งให้เร่งประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเลในพื้นที่ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ทั้งปัจจุบัน และผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตกรณีกำจัดคราบน้ำมันเรียบร้อยแล้ว และให้เร่งหาสาเหตุที่แท้จริงของการรั่วไหลของน้ำมันในครั้งนี้ เพื่อถอดบทเรียนและหาแนวทางการป้องกันในอนาคต ต่อไป นายวราวุธ กล่าว
ด้านนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเสริมว่า ตนได้ทราบรายละเอียดข้อมูลจากพลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เกี่ยวกับแนวทางการไขปัญหาเรือบรรทุกน้ำมันอับปางบริเวณกลางอ่าวไทย เบื้องต้นได้ตรวจสอบพิกัดจุดเกิดเหตุ พบมีแหล่งทรัพยากรทางทะเลที่สำคัญ 2 แหล่ง ในบริเวณใกล้เคียง ได้แก่ แหล่งปะการังบริเวณเกาะง่ามใหญ่ ไปทางทิศตะวันตกของจุดเกิดเหตุ ประมาณ 25 กิโลเมตร เนื้อที่ 37 ไร่ รวมถึง บริเวณอำเภอปะทิว เกาะร้านเป็ด เกาะร้านไก่ จังหวัดชุมพร และแหล่งหญ้าทะเลบริเวณอ่าวบ่อเมา และอ่าวทุ่งมหา ไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ประมาณ 32 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 114 ไร่
ทั้งนี้ จากการสังเกตเบื้องต้นและจากการบินสำรวจพบคราบน้ำมันเป็นฟิล์มบางๆ ที่ผิวน้ำ บางจุดมีแผ่นน้ำมันลอยเห็นชัดและมีกลิ่นแรง แต่เป็นบริเวณไม่กว้างมาก พร้อมให้เจ้าหน้าที่ประเมินสถานการณ์โดยใช้แบบจำลองทางคณิตศาสตร์ พบว่า ทิศทางของกระแสน้ำและกระแสลมจะพัดขึ้นไปบริเวณทิศเหนือของจุดเกิดเหตุซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อแหล่งปะการังและหญ้าทะเล
อย่างไรก็ตาม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้จัดส่งเรือตรวจการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จำนวน 2 ลำ พร้อมทีมนักวิชาการและเจ้าหน้าที่ติดตามและเฝ้าระวังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วนกรณีมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางของคลื่นลมที่จะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเล พร้อมเก็บตัวอย่างน้ำบริเวณดังกล่าวเพื่อวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ อีกทั้ง หากพบสัตว์ทะเลที่ว่ายเข้าใกล้บริเวณดังกล่าว จะได้ให้การช่วยเหลือและป้องกันได้อย่างทันท่วงที สำหรับแผนการเก็บกู้น้ำมันและแผนการกู้เรือ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ประสานงานกับกรมควบคุมมลพิษ กองทัพเรือ กรมเจ้าท่า และหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการแล้ว โดยคาดว่าจะเก็บกู้คราบน้ำมันได้ภายใน 7 วัน และจะดำเนินการกู้เรือภายใน 15 วัน อนึ่ง ทางกองทัพเรือได้เตรียมจัดส่งเรือหลวงบางระจันพร้อมยาน Seafox-i เพื่อสำรวจสภาพเรือ ป. อันดามัน 2 ที่อับปางที่ได้รับแจ้งจากลูกเรือว่าได้ปิดซีลวาล์วถังน้ำมันเรียบร้อยแล้วจริงหรือไม่ ซึ่งคาดว่าจะถึงพื้นที่เกิดเหตุในวันพรุ่งนี้ (25 มกราคม 2565) เวลาประมาณ 08.00 น. นายโสภณ กล่าวชี้แจง