นทท.แห่ยกเลิกทริปเกาะเสม็ด โวยเสียค่าตรวจ ATK 330 บาท/คน
นักท่องเที่ยว แห่ยกเลิกทริปกันเพียบ โวยต้องเสียค่าตรวจ ATK 330 บาทต่อคน ผู้ประกอบการวอนจังหวัดยกเลิกมาตรการเข้ม ก่อนที่การท่องเที่ยวเสม็ดจะเจ๊งกันหมด
เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 65 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบที่ท่าเรือข้ามเกาะเสม็ด ซึ่งเป็นท่าเรือหลักทั้ง3ท่าเรือ หลัง พบมีนักท่องเที่ยวโพสต่อว่ากันบนโลกออนไลน์ และ ร้องเรียน เกี่ยวกับมาตรการของจ.ระยอง ที่นักท่องเที่ยวทุกคน ต้องมีผลตรวจATKไม่เกิน72 ชั่วโมง และ ต้องมีแพทย์และสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้รับรอง โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ทราบข้อมูล พอเดินทางมาถึงต้องเสียเงินค่าตรวจ 330 บาท ต่อคน จากสถานพยาบาลในพื้นที่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างก็ยกเลิกทริปไม่ไปต่อ
เมื่อเดินทางไปถึงที่ท่าเรือนวลทิพย์ ม.2 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ซึ่งบรรยากาศเงียบเหงา พบ กับ น.ส.ปธิดา ลิ้มประสิทธิ์ อายุ 52 ปี บ้านเลขที่ 102 ม.3 ต.ยะวึก อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เดิมอยู่จ.สุรินทร์ ได้พาคณะชาวสวีเดน จำนวน 10 คน เพื่อข้ามไปเที่ยวเกาะเสม็ด แต่พอทราบถึงมาตรการต้องมีผลตรวจATK ภายใน 72 ชม.ถึงจะข้ามได้ จึงทำให้ทั้งหมดยกเลิกไม่ข้ามไปเที่ยวโดยน.ส.ปธิดา ได้ กล่าวว่า ตนเองพร้อมคณะ เดินทางมาจาก จ.สุรินทร์ พอมาทราบว่าต้องเสียเงินตรวจATK คนละ 330 บาท จึงสรุปว่าไม่ขอข้ามไปท่องเที่ยว เพราะถือเป็นค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป จำนวน 10 คน ต้องเสียเงินหลายพันบาท รู้สึกผิดหวังมากอุตส่าห์ตั้งใจพาชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวชมความงามของเกาะเสม็ด แต่ต้องยกเลิกกับค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป ทั้งๆที่ทุกคนต่างก็ฉีดวัคซีนมาครบ 2 เข็ม โดยเฉพาะชาวต่างชาติมีการกักตัวและตรวจATKมาหลายรอบแล้ว ซึ่งความจริงแล้วควรเห็นใจนักท่องเที่ยว เพราะที่เกาะช้าง จ.ตราด ก็แค่ฉีดวัคซีนครบ2เข็มก็เข้าได้แล้ว ผิดหวังมากเสียเดินทางมาหลายชั่วโมงกลับมาเจอเหตุการณ์แบบนี้
ด้านนางธารา บุญก่อเกื้อ อายุ 59 ปี 280/7 ม.2 ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ผู้บริหารท่าเรือเฟอรี่เกาะแก้วพิสดาร ท่าเรือเพ ได้ กล่าวว่า หลังจากทางจังหวัด เริ่มใช้มาตรการตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.65 ทางท่าเรือได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะนักท่องเที่ยวต่างก็ไม่ทราบว่ามีมาตรการดังกล่าว พอเดินทางมาถึงเจอกับมาตรการนี้ นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวเช้ามาเย็นกลับ ยกเลิกเกือบทั้งหมด จึงวอนให้ทางจังหวัดทบทวนยกเลิกมาตรการ ก่อนที่ผู้ประกอบการจะแบกภาระขาดทุนไม่ไหววันละ หนึ่งหมื่นบาท ขอให้นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยองช่วยเหลือด่วนและตนก็เชื่อว่าผู้ว่าช่วยเหลือได้
ส่วนนางชลิตา สกุลอุ่นทรัพย์ อายุ 51 ปี ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะเสม็ด ท่าเรือเทศบาลตำบลเพ ได้เปิดเผยว่า นักท่องเที่ยวต่างไม่พอใจกับมาตรการดังกล่าว เพราะต้องเสียเวลา และ เสียค่าใช้จ่ายเอง ในการตรวจกับราคาที่สูงเกินจริง คือราคา 330 บาทต่อคน หลังถูกโวยวาย ทางสถานพยาบาลที่รับตรวจก็ลดราคาลงมา เหลือคนละ 250 บาท ซึ่งราคาก็ยังสูง ส่วนใหญ่จะยกเลิกการเดินทางกันหมด เพราะรับไม่ได้ จึงขอให้ทางจังหวัดทบทวนผ่อนปรนมาตรการดังกล่าว ก่อนที่เกาะเสม็ดจะไม่มีนักท่องเที่ยวมาเยือน
ด้านนายยานยนต์ อรุณเวสสะเศรษฐ นายกสมาคมผู้ประกอบการเรือนำเที่ยวเกาะเสม็ด อายุ 57 ปี ได้กล่าวว่า เกี่ยวมาตรการ ให้นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมีผลตรวจATK ภายใน 72 ชั่วโมง จึงจะสามารถเดินทางข้ามไปเที่ยวที่เกาะเสม็ด ได้ก่อให้เกิดผลกระทบกับทางผู้ประกอบการการท่องเที่ยวเกาะเสม็ดเป็นอย่างมาก ที่ต้องประสบปัญหานักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยว ยกเลิกการเดินทางไปเที่ยวเกาะเสม็ด หลังมาเจอกับมาตรการดังกล่าว ต่างก็ยกเลิกกันหมด เพราะส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ามีมาตรการดังกล่าว พอมาเดินทางมาถึงพบค่าใช้จ่ายที่แพงกว่าโดยสารเรือ นักท่องเที่ยวหายไปมากจนท่าเรือแทบร้าง สร้างผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่ต้องแบกภาระขาดทุน จึงขอฝากให้ทางจังหวัดยกเลิกมาตรการดังกล่าว ให้คงมาตรการเหมือนกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่น เช่นที่ จ.ภูเก็ต และ เกาะช้าง จ.ตราด เป็นต้น ที่กำหนดแค่ฉีดวัคซีนครบ2เข็มก็สามารถผ่านไปได้ หรือไม่ทางภาครัฐก็ควรมีการสนับสนุนการตรวจATKให้กับนักท่องเที่ยว โดยการมาตรวจในจุดที่ใกล้กับท่าเรือเพื่อสะดวกต่อนักท่องเที่ยว หากยังคงมาตรการต่อไป การท่องเที่ยวของเกาะเสม็ดพังแน่
ด้านนักท่องเที่ยวต่างก็รับไม่ได้กับค่าตรวจATKที่สูงเกินไป ในเมื่อมึการกำหนดมาตรการขึ้นมาก็ควรที่จะมีบริการรองรับ ไม่ใช่มาให้นักท่องเที่ยวมาแยกรับภาระค่าใช้จ่ายเอง และ ค่าตรวจATKก็สูงเกินไป
ด้าน นายอนันต์ นาคนิยม รองผวจ.ระยอง ได้กล่าวว่า สำหรับมาตรการดังกล่าว หลังจากที่มีการประกาศใช้ ตั้งแต่วันที่20ม.ค.65 เป็นต้นมา พบว่าผู้ประกอบการได้รับผลกระทบ นักท่องเที่ยวไม่สามารถรับกับมาตรการดังกล่าวได้ ในเรื่องราคาตรวจATKที่สูงถึง 330 บาท ซึ่งความจริงแล้ว มีสถานบริการหลายแห่งมาให้บริการ โดยมีราคา 330 บาท และ 250 บาท หรือซื้อชุดATK ไปตรวจที่ รพ.สต.เพ สำหรับผลกระทบดังกล่าวทางจังหวัดเตรียมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการต่อไป