"ตรุษจีน" ไหว้เจ้า เท่าที่จำเป็น งดหัวหมูแพง

ตั้งแต่กลางดึกของวันที่ 31 มกราคม 2565 จนถึงรุ่งเช้า ช่วง้ทศกาล "ตรุษจีน" ที่ศาลเจ้าปู่ตาปึงเถ่ากงม่า อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ ได้มีพี่น้องประชาชน คนไทยเชื้อสายจีน ได้นำเครื่องเซ่นไหว้มากราบไหว้ขอพรกันตามปกติเช่นทุกปี ในช่วงเทศกาลวันตรุษจีน แต่ในปีนี้ดูเหมือนว่าทุกคนจะลดปริมาณเครื่องเซ่นไหว้ลงอย่างมาก 

จากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 และที่สำคัญก่อนหน้านี้นับตั้งแต่ช่วงปีใหม่มา ราคาสินค้าแทบทุกประเภทได้ขยับราคาขึ้นสูงมากเรียกได้ว่าขยับขึ้นหลายเท่าตัว ทั้งผลไม้ เป็ด และไก่

 

 โดยเฉพาะหมู ราคาเพิ่มสูงขึ้นไม่หยุด เฉลี่ยหัวหมูที่เคยซื้อไปไหว้ทุกปีราคาที่ต้มทำสำเร็จแล้ว จะอยู่ที่ราคาหัวละ 500 บาท แต่ปีนี้ขยับขึ้นราคามาอยู่ที่ราคาหัวละ 700 บาท ทำให้ทุกคนถอยยอมที่จะซื้อเครื่องเซ่นไหว้เฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้นมาไหว้

นายอริย์ธัช บุรัสการ เจ้าของกิจการร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าในตัวเมืองศรีสะเกษ ได้นำเครื่องเซ่นมาไหว้ศาลพร้อมภรรยา กล่าวว่า ในปีนี้สถานการณ์เป็นเช่นนี้ในการซื้อเครื่องเซ่นไหว้มาไหว้ศาล ก็จะต้องประหยัดขึ้น ซื้อเครื่องเซ่นมาก็ต้องน้อยลง เลือกเท่าที่จำเป็นตามประเพณีไว้ก่อน เพราะราคาสินค้าในปีนี้แพงจริง ราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างโหด

 โดยส่วนใหญ่ก็ต้องซื้อเครื่องเซ่นไหว้หลัก เช่นผลไม้ หมูก็เปลี่ยนมาเป็นหมูชิ้น เป็ด ไก่ อย่างละตัว เหล้าก็เปลี่ยนมาเป็นขวดแบนแทนขวดกลม ต้องตามสภาพ ก็ได้แต่เพียงหวังว่า สถานการณ์จะดีขึ้นโดยเร็ว หากโรคโควิดอยู่นานๆ แบบนี้ประชาชนก็ไม่ไหวเช่นกัน

ขณะที่ ตลาดสดเทศบาลเมืองศรีสะเกษ บรรยากาศการจับจ่ายซื้อหาเครื่องเซ่นไหว้ ข้าวของไปใช้ไหว้ก็น้อยลง เจ้าของเขียงหมู รายหนึ่ง เปิดเผยว่า ในปีนี้บรรยากาศการขายหมูเป็นหัวหมูที่จะนำไปเซ่นไหว้ เงียบมาก 

โดยหัวหมูเมื่อปีที่แล้ว ที่บริการต้มสุกให้พร้อมเครื่องสำหรับไหว้ ขายอยู่ที่หัวละ 500 บาท แต่ปีนี้ต้องเพิ่มราคาเพราะต้นทุนมาแพง ก็บริการต้มหัวหมูสุกแล้วให้พร้อมเครื่องเซ่นไหว้เช่นเคย แต่ต้องขายหัวละ 700 บาท ขึ้นมา 200 บาท ทำให้เงียบมาก ขายหัวหมูไม่ได้กันเลย เตรียมไว้ไม่ถึง 10 หัวยังเหลือ เพราะทุกคนไม่ซื้อหัวหมูไปไหว้กัน แต่เปลี่ยนมาซื้อเป็นหมูชิ้นสามชั้นแทน เพราะหมูแพง ขายยาก คนก็ไม่ค้อยไหว้ด้วยหัวหมูกัน