"ยาฟาวิพิราเวียร์" เปิดผลวิจัยล่าสุด ผลข้างเคียง ใครห้ามกินยาตัวนี้
ศูนย์วิจัยคลินิกศิริราช เปิดรายงานผลวิจัยการใช้ "ยาฟาวิพิราเวียร์" (Favipiravir) สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยหรือปานกลาง ข้อแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานยา ผลข้างเคียง ใครห้ามกินยาตัวนี้
ศูนย์วิจัยคลินิกศิริราช เปิดรายงานผลวิจัยการใช้ "ยาฟาวิพิราเวียร์" (Favipiravir) สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยหรือปานกลาง ซึ่งได้มีข้อแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานยา
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เสี่ยงเชื้อดื้อยา! ไทยใช้ "ยาฟาวิพิราเวียร์" เดือนละ 60 ล้านเม็ด
- อาการข้างเคียง ยาฟาวิพิราเวียร์ เตือนไม่ควรร้องหาถ้าไม่มีอาการโควิด-19
- กิน "ยาฟาวิพิราเวียร์" ไม่ใช่แค่ทำให้ตาเปลี่ยนเป็นสีม่วง-น้ำเงินเท่านั้น
ใน "สถานการณ์โควิด-19" ที่มีจำนวนยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ทางศูนย์วิจัยคลินิกศิริราชจึงขอนำผลการศึกษาวิจัยการใช้ "ยาฟาวิพิราเวียร์" สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยหรือปานกลางมาให้ดูกัน
ทางศูนย์ฯ พูดถึงวิธีวิจัยว่า การศึกษาระยะที่ 3 แบบเปิดและมีการสุ่มในผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่หนักและยังไม่มีภาวะปอดอักเสบ เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ได้รับ "ยาฟาวิพิราเวียร์" วันละ 2 ครั้งขนาด 1,800 มก./dose ในวันแรก และ 800 มก./dose ในวันต่อมา (62 ราย) และกลุ่มควบคุม (31 ราย) โดยประเมินผลการรักษาจาก NEWS ซึ่งเป็นการประเมินอาการตามมาตรฐานสากล โดยดูจากอุณหภูมิ อัตราการหายใจ การเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ภาวะออกซิเจนในร่างกาย
ผลการศึกษา
- ผู้ป่วยในโครงการเริ่มยาเฉลี่ยที่ 1.7 วันหลังจากเริ่มมีอาการ
- เมื่อประเมินอาการโดย NEWS ในช่วงเวลาการรักษา 14 วัน พบว่า กลุ่มที่ได้รับ "ยาฟาวิพิราเวียร์" อาการดีขึ้น 79% ขณะที่กลุ่มควบคุมมีแค่ 32.3%
- กลุ่มฟาวิพิราเวียร์อาการดีขึ้นเร็วกว่าอย่างมีนัยสำคัญ โดยครึ่งหนึ่งของผู้ได้รับ "ยาฟาวิพิราเวียร์" มีอาการดีขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 ของการรักษา เมื่อเทียบกับ 14 วันในกลุ่มควบคุม
- จำนวนไวรัสในผู้ป่วยที่ได้รับ "ยาฟาวิพิราเวียร์" ลดลงไม่แตกต่างจากกลุ่มควบคุมจนกระทั่งวันที่ 13 และ 28 ของการรักษา ซึ่งจะพบว่าที่ได้รับ ยาฟาวิพิราเวียร์จะมีปริมาณไวรัสต่ำกว่า
- ผลข้างเคียง : พบการขึ้นของระดับกรดยูริคในผู้ป่วยที่ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์อย่างมีนัยสำคัญเทียบกับกลุ่มควบคุม ไม่พบอาการข้างเคียงอื่นที่แตกต่างกัน
คำแนะนำและข้อสรุป
- หากติดเชื้อโควิด-19 ควรรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์ทันทีที่มีอาการยังไม่หนัก โดยใช้ขนาด 1,800 มก. เช้า-เย็น ในวันแรก และ 800 มก. เช้า-เย็น ในวันต่อมา
- ยาฟาวิพิราเวียร์ในรูปแบบยากิน มีราคาไม่แพง และมีความปลอดภัยสูง ไม่มีผลข้างเคียงที่น่ากังวล
- ผลการศึกษานี้ไม่ได้แสดงประสิทธิภาพในผู้ป่วยที่มีอาการหนัก
- หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์ เพราะอาจมีอันตรายต่อทารกในครรภ์ โดยเฉพาะไตรมาสแรก
พิสูจน์อักษร โดย....สุรีย์ ศิลาวงษ์