บขส. คาดวันนี้เดินกลับบ้าน "สงกรานต์ 2565" สูงสุด ไม่น้อยกว่า 4 หมื่นคน
บขส. เตรียมความพร้อมรองรับผู้โดยสารเดินทางกลับภูมิลำเนาสูงสุด วันนี้(12 เม.ย.65) คาดไม่น้อยกว่า 4 หมื่นคน รถโดยสารและพนักงานพร้อมอำนวยความสะดวก มั่นใจไม่มีผู้โดยสารตกค้าง
นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 เม.ย. 2565 คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางออกจากกรุงเทพฯ สูงสุด ประมาณ 40,000 คน เนื่องจากเป็นวันสุดท้ายของการทำงาน ก่อนที่จะหยุดยาวในช่วงเทศกาล "สงกรานต์ 2565" โดย บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ได้จัดรถโดยสาร (รถ บขส. รถร่วม รถตู้) ประมาณ 3,800 เที่ยว เพื่อรองรับผู้โดยสาร
ส่วนข้อมูลการเดินทางเมื่อวานนี้ (11 เม.ย. 2565) มีผู้โดยสารใช้บริการรถโดยสารธารณะเข้า - ออก กรุงเทพฯ จำนวน 57,142 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส. รถร่วม รถตู้) จำนวน 5,193 เที่ยว โดยเป็นการเดินทางขาออก จำนวน 2,615 เที่ยว มีผู้โดยสารเดินทาง จำนวน 32,290 คน ส่วนการเดินทางขาเข้ากรุงเทพฯ จำนวน 2,578 เที่ยว มีผู้โดยสารเดินทาง จำนวน 24,852 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ทั้งนี้ บขส. ขอความร่วมมือผู้โดยสารที่ยังไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้า เผื่อเวลาเดินทางมายังสถานีขนส่งผู้โดยสาร โดย บขส. และรถร่วมฯ ได้จัดเตรียมรถโดยสารเที่ยวปกติและเที่ยวเสริมไว้รองรับประชาชนอย่างเพียงพอ มั่นใจจะไม่มีผู้โดยสารตกค้าง
สำหรับสมาชิก บขส. Card เมื่อซื้อตั๋ว บขส. จะได้รับส่วนลดค่าโดยสาร 5% (ตลอดอายุสมาชิก) และหากซื้อตั๋วผ่านช่องทางออนไลน์ Application: E-Ticket และ Website บขส. จะได้รับคะแนนคูณสองตลอดเดือน เมษายน นี้ อีกด้วย ทั้งนี้ผู้โดยสารสามารถจองตั๋ว บขส. ผ่านระบบออนไลน์ Application: E-Ticket และ Website บขส. หรือสอบถามข้อมูลการเดินทางเพิ่มเติม โทร Call Center 1490 เรียก บขส.ตลอด 24 ชั่วโมง
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวด้วยว่า ได้สั่งกำชับไปยังพนักงาน บขส. และขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการรถร่วมฯ ให้ดำเนินการตามมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ตามข้อสั่งการของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งในส่วนของรถโดยสาร และพนักงาน โดยพนักงานขับรถทุกคน ต้องมีผลตรวจหาสารเสพติดและแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ เพื่อสร้างความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุ
รวมทั้งขอให้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข อาทิ พนักงานประจำรถต้องตรวจหาเชื้อไวรัส COVID-19 แบบ Antigen Test Kit (ATK) ทุก 3 วัน สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เช็ดทำความสะอาดรถโดยสารด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อโรคก่อนนำรถมาให้บริการ และมีการระบายอากาศอย่างเพียงพอ เป็นต้น