"ปตท." เดินหน้าฟื้นฟูผืนป่า ชูแนวคิด "ปลูกป่า" ได้มากกว่าต้นไม้
"ปตท." เดินหน้าภารกิจฟื้นฟูป่าเพื่อกักเก็บคาร์บอนคืนสมดุลสู่ธรรมชาติ ด้วยแนวคิด "ปลูกป่า" ได้มากกว่าต้นไม้ มุ่งขับเคลื่อนไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ
กว่า 2 ทศวรรษ ปตท. ได้เดินหน้าภารกิจฟื้นฟูป่ากักเก็บคาร์บอนคืนสมดุลสู่ธรรมชาติรวม 576 แปลง 1.1 ล้านไร่ ใน 56 จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ ปลูกป่าพิเศษและโครงการพระราชดำริ และโครงการปลูกป่าพื้นฟูระบบนิเวศและ ลดภาวะโลกร้อน ถือเป็นเวลากว่า 20 ปีกับประสบการณ์และองค์ความรู้สถาบันปลูกป่า ปตท.
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปลูกจากจุดเริ่มต้น ได้เติบโตและสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ โดยการวิจัยของศูนย์วิจัยป่าไม้ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า ป่าที่ ปตท. ได้ดำเนินการปลูกและดูแลรักษาตั้งแต่ ปี 2537-2559 ปตท. ได้อาสาฟื้นฟูป่าเสื่อมโทรมทั่วประเทศไปแล้วกว่า 1.1 ล้านไร่ ทั้งนี้ สามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้เฉลี่ย 2.14 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเปรียบเทียบการชดเชยการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถยนต์ส่วนบุคคลเฉลี่ยปีละ 4.6 แสนคัน และปลดปล่อยออกซิเจนได้กว่า 1.55 ล้านตันออกซิเจนต่อปี คิดเป็นมูลค่าผลประโยชน์จากป่ากว่า 280 ล้านบาทต่อปี และยังคงความอุดมสมบูรณ์มากกว่า 83%
นายอรรถพล กล่าวต่อเนื่องว่า การปลูกป่า ไม่เพียงฟื้นฟูพื้นที่ป่าที่เคยถูกทำลาย และเพิ่มพื้นที่สีเขียวกลับคืนให้กับประเทศ แต่ยังส่งผลต่อความตื่นตัวและตระหนักในความสำคัญของทรัพยากรธรรมชาติ สานต่อเจตนารมณ์ในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม เกิดเครือข่ายอนุรักษ์และรักษาป่าให้ยั่งยืน โดยป่าที่ปลูกได้รับการดูแลรักษาจากเครือข่ายราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่ารอบแปลงปลูกป่า รวมถึงเครือข่ายความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมเพื่อการอนุรักษ์ดิน น้ำ ป่าที่ขยายผลต่อมา ได้แก่ โครงการลูกโลกสีเขียว เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2542
ทั้งนี้ เพื่อทำหน้าที่ขยายผล ต่อยอดจากภารกิจโครงการปลูกป่า 1 ล้านไร่ ในโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ โดยมุ่งเน้นการปลูกป่าเชิงกลยุทธ์ มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์สร้างประโยชน์แก่สังคมและชุมชน ตลอดจนการสะสมองค์ความรู้จากประสบการณ์กว่า 25 ปี ในการปลูกป่า การวิจัยความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อเผยแพร่ไปยังสาธารณะสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และยกระดับการให้ความรู้ทางวิชาการ และสร้างความ ตระหนักผ่านการดำเนินงานศูนย์เรียนรู้ที่สำคัญจำนวน 3 แห่ง ดังนี้
- ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี
ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี จัดตั้งในปี 2004 บนพื้นที่ 387 ไร่ ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีการปลูกต้นไม้ไปแล้ว 471,600 ต้น สามารถดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 17,010 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ถือเป็นหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของ ปตท. ด้วยเป็นพื้นที่พิธีน้อมเกล้าฯ ถวายโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ 1 ล้านไร่ แด่พระบาท สมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
สำหรับพื้นที่แห่งนี้ได้รับการฟื้นฟูจากนากุ้งร้าง เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนระดับประเทศและภูมิภาค จากการมีส่วนร่วมจากชุมชน งานวิจัย และความรู้เป็นเครื่องมือในการพลิกฟื้น ดินเสื่อมโทรม และการระบายน้ำเค็ม สำเร็จผลเป็นป่าชายเลนจากการปลูกขนาดใหญ่ ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนฯ เป็นแหล่งกำเนิดของระบบนิเวศที่สำคัญ สร้างรายได้ให้ชุมชน จากการรับรองนักท่องเที่ยวและจากการจับสัตว์น้ำ
- ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง (กทม.)
ศูนย์เรียนรู้ป่าในกรุง (กทม.) จัดตั้งขึ้นในปี 2015 ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 7,524 ต้น พรรณไม้กว่า 250 ชนิด ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 230 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี โดย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเปิดและพระราชทานชื่อ โดยศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 12 ไร่ บนถนนสุขาภิบาล 2 มีการออกแบบที่กลมกลืนกับธรรมชาติและสภาพแวดล้อม เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ และเป็นพื้นที่สีเขียวให้แก่เมือง
- ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์
ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ป่ายุบใน อ.วังจันทร์ จ.ระยอง จัดตั้งปี 2014 ปลูกต้นไม้ 453,082 ต้น ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 3,759 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เนื้อที่ 351.35 ไร่ การออกแบบที่คำนึงถึงระบบนิเวศและการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ซึ่งกระทบต่อธรรมชาติน้อยที่สุด โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมองค์ความรู้และนวัตกรรมการฟื้นฟูป่ารูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะการฟื้นฟูป่าแบบบูรณาการในรูปแบบ "วนเกษตร" ที่ปลูกไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชสวน รวมถึงการทำนาแบบผสมผสาน เป็นพื้นที่ปลูกป่าโครงการนำร่องที่เข้าร่วมโครงการ ลดก๊าซเรือนกระจก ภาคสมัครใจ ตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand-Voluntary Emission and Reduction: T-VER) สาขาป่าไม้ ของ องค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน)
ศูนย์เรียนรู้แห่งนี้ ยังมีส่วนร่วมกับชุมชนโดยรอบพื้นที่โดยจัดทำหลักสูตร นิเวศท้องถิ่น เชื่อมโยงการเรียนการสอนในโรงเรียนในชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริฯ มีผักปลูกจากเมล็ดพันธุ์ผักพระราชทานที่ปลอดภัยไว้บริโภค และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากรายได้การจำหน่ายผัก ในโครงการ "วังจันทร์รวมรัก ปลูกผักแบ่งปัน" และโครงการ "สวนป่าครัวเรือน" เป็นต้น
นอกจากนี้ จากการที่ ปตท. ได้ส่งเสริมการดูแลรักษาป่าและสิ่งแวดล้อมผ่านเครือข่ายชุมชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ สถาบันลูกโลกสีเขียว เครือข่ายราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า และเครือข่ายหญ้าแฝก จึงได้ต่อยอดการดำเนินงานในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ในรูปแบบสวนป่าครัวเรือนคือ การสร้างสวนป่าในบ้านหรือในครัวเรือนที่มีเอกสารสิทธิ์ โดยการปลูกพืชผสมผสานเป็นประโยชน์ทั้งทางด้านอากาศ และความมั่นคงทางด้านอาหารสอดคล้องตามแนวทางโครงการสร้างป่าสร้างรายได้ของ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และยุทธศาสตร์ชาติด้านการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ปตท. เห็นถึงความสำคัญของการมีพื้นที่สีเขียวในเมืองและการมีส่วนร่วมของคนเมืองในการรักษาและดูแลสิ่งแวดล้อม จึงได้ต่อยอดประสบการณ์จากการปลูกป่ากว่า 25 ปี มาปรับให้เหมาะสมกับบริบทเมือง โดยเริ่มดำเนินการในปี 2562 เป็นต้นมา ผ่านกิจกรรม 40 ปี ปตท. Plant Together โดยสนับสนุน 5 มหาวิทยาลัย ในการออกแบบ พื้นที่สีเขียว ตามความต้องการของแต่สถาบัน ปตท. ร่วมกับภูมิสถาปนิก คัดเลือกชนิดพันธุ์ไม้ตามความเหมาะสมของพื้นที่ ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวในเมืองคิดเป็น 2,694 ตารางเมตร หรือ 1.7 ไร่
สำหรับภารกิจฟื้นฟูป่ากักเก็บคาร์บอนคืนสมดุลสู่ธรรมชาติ ถือเป็นกลยุทธ์ 1 ในกลยุทธ์ 3P ของ ปตท. คือ Partnership with Nature and Society เพื่อเพิ่มปริมาณการดูดซับก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศด้วยวิธีทางธรรมชาติ อย่างน้อย 20% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกรวมของปตท. โดยกลุ่ม ปตท. มุ่งปลูกป่าเพิ่มเติม รวม 2 ล้านไร่ ภายในปี 2030 แบ่งเป็นการดำเนินการโดย ปตท.1 ล้านไร่ และความร่วมมือบริษัทในกลุ่ม ปตท. อีก 1 ล้านไร่ ซึ่งในปัจจุบันมีการปลูกไปแล้ว 1 ล้านไร่ และกำลังปลูกเพิ่ม 1 ล้านไร่