ทำความรู้จัก "CROWN TCP" ต้นแบบโรงงานผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมเพื่อความยั่งยืน
ชวนทำความรู้จัก "CROWN TCP" โรงงานผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมจากการผนึกกำลังร่วมกันระหว่าง "คราวน์ โฮลดิ้งส์ " และ "กลุ่มธุรกิจ TCP" อีกหนึ่งต้นแบบโรงงานที่ขับเคลื่อนด้วยแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน รองรับตลาดส่งออกในเอเชียแปซิฟิก
บนพื้นที่ 26,400 ตารางเมตร ในนิคมอุตสาหกรรมหนองแค จังหวัดสระบุรี กลายเป็นอีกหนึ่งฐานการผลิตเพื่อการส่งออกที่สำคัญของประเทศ เพราะเป็นที่ตั้งของโรงงานผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมขนาดใหญ่ ภายใต้ชื่อ "CROWN TCP" ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่าง "คราวน์ โฮลดิ้งส์ " และ "กลุ่มธุรกิจ TCP" ด้วยงบร่วมลงทุน 1,500 ล้านบาท เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์คุณภาพให้กับเครื่องดื่มของกลุ่มธุรกิจ TCP นับเป็นโรงงานผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมแห่งที่ 2 ของ CROWN ในประเทศไทย
สำหรับ "CROWN" ถือเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ระดับโลกที่มีนวัตกรรมเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญด้านการผลิตมาอย่างยาวนานกว่า 130 ปี ขณะที่ "กลุ่มธุรกิจ TCP" ถือเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีชื่อเสียง ภายใต้แบรนด์กระทิงแดง เรดบูล เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ แมนซั่ม ไฮ่! เพียวริคุ ซันสแนค และวอริเออร์ ยิ่งเสริมแกร่งด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์กระป๋องอะลูมิเนียมเพื่อการส่งมอบเครื่องดื่มระดับโลก
การเกิดขึ้นของโรงงานแห่งนี้ ถือเป็นการส่งเสริมพันธมิตรธุรกิจที่เป็นมากกว่าคู่ค้า ตามเป้าหมายองค์กร "ปลุกพลัง เพื่อวันที่ดีกว่า" ยกระดับการผลิตบรรจุภัณฑ์ให้มีคุณภาพระดับโลก ควบคู่กับการขับเคลื่อนกระบวนการผลิตแบบรักษ์โลกไปพร้อมๆ กัน เกิดเป็นค่านิยมหลักของ "CROWN TCP" ภายใต้การดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นดูแลสิ่งแวดล้อม สังคม และการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล ผ่านโครงการ Twentyby30 โดยตั้งเป้าบรรลุเป้าหมายที่วัดผลได้ภายในปี 2030
"CROWN TCP" กับการเป็น Smart Manufacturing
เมื่อเข้าไปดูภายในโรงงานแห่งนี้ มีการใช้ระบบ Smart Manufacturing โดยมีกระบวนการผลิตและบริหารจัดการโรงงานด้วยโซลูชันอัจฉริยะอย่างครบวงจร ที่น่าสนใจคือ สามารถขึ้นรูปกระป๋องอะลูมิเนียมที่มีความบางที่สุดในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มให้พลังงานเพียง 0.245 มม. เท่านั้น โดยมุ่งเน้นการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้โดยไม่สร้างขยะให้กับโลก
ปัจจุบัน "CROWN TCP" มีกำลังการผลิต 820 ล้านกระป๋องต่อปี และจะสามารถเพิ่มได้ถึง 1,500 ล้านกระป๋องต่อปี ในอนาคต เพื่อรองรับความต้องการของตลาดส่งออกกระทิงแดง (Red Bull) และเพิ่มความมั่นใจในการส่งมอบบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนั้น "CROWN TCP" ยังมีการจัดการพลังงานและทรัพยากรต่างๆ เช่น การจัดการขยะหมุนเวียน น้ำเสีย และความปลอดภัย สร้างคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น โดยแบ่งเป็นด้านต่างๆ ดังนี้
- การจัดการด้านน้ำ : ลดการใช้น้ำได้สูงสุดในเครือโรงงานของ CROWN ในเอเชีย โดยลดการใช้น้ำมากกว่าปีละ 2 ล้านลิตรจากกระบวนการผลิต และนำน้ำจากกระบวนการผลิตหลังบำบัดมาใช้ให้เกิดประโยชน์อีกครั้ง เช่น รดน้ำต้นไม้ ล้างถนน หรือใช้สำหรับห้องน้ำ โดยสามารถประหยัดการใช้น้ำได้มากกว่า 10,000 ลูกบาศก์เมตรต่อปี และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 3 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี
- การจัดการด้านขยะ : บริหารจัดการให้เป็นโรงงาน Zero Waste to Landfill และนำขยะที่เกิดจากกระบวนการผลิต ไม้พาเลท และวัสดุห่อหุ้มต่างๆ มารีไซเคิลให้เกิดประโยชน์ตามแนว เศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น มีการนำกากตะกอน จากระบบบำบัดน้ำเสียจากเดิมที่นำไปฝังกลบ เปลี่ยนเป็นการนำไปรีไซเคิลทำเป็นส่วนผสมอิฐ ทำให้สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 202 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี
- การจัดการคุณภาพอากาศ : มีการติดตั้ง RTO หรือเครื่องฟอกอากาศของเตาเผากำจัดกลิ่น เพื่อลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ ซึ่งคุณภาพของอากาศที่ปล่อยออกจากปล่องมีมาตรฐานที่ดีกว่าค่ามาตรฐานที่การนิคมอุตสาหกรรมกำหนด
- การจัดการด้านพลังงาน : มีระบบ Timer ควบคุมการเปิด - ปิดไฟในโรงงาน โดยสามารถประหยัดการใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 75,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kwh) และลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่า 45 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี
นอกจากนั้น ยังมีแผนการติดตั้ง Solar Roof ในปี 2023 ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 650 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี อีกทั้งยังลดการใช้ฟิล์มในการพันพาเลทกระป๋อง สามารถลดขยะและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 20 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี
ด้วยการดำเนินมาตรการต่างๆ ที่กล่าวมา จะทำให้โรงงานแห่งนี้ สามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปี 2023 ลงได้เกือบ 1,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2e) ต่อปี
ถึงวันนี้ "CROWN TCP" เป็นโรงงานต้นแบบผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และการผลิตที่ทันสมัยควบคู่กับแนวคิดการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมแล้วที่จะส่งออกในเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความภาคภูมิใจให้แก่คนไทยทั้งในระดับประเทศ และระดับโลก