'SENA' รุกตลาดที่อยู่อาศัยประหยัดพลังงาน - ลดคาร์บอน สู่เป้าหมาย Net Zero
SENA เดินหน้าพัฒนา "บ้านแนวคิดพลังงานเป็นศูนย์" - "คอนโด Low - Carbon" มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero
ปัจจุบันที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์รักษ์โลกกำลังได้รับความนิยมจากต่างประเทศทำให้ บริษัท เสนาดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ตระหนักถึงการตอบสนองที่จะทำให้การพัฒนาบ้านเป็นมากกว่า "ที่อยู่อาศัย" กล่าวคือ สามารถรองรับกิจกรรมการใช้ชีวิตที่หลากหลายมากขึ้น มีความทันสมัยไม่ตกเทรนด์ สามารถลดภาระค่าครองชีพได้ ดูแลมิติด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น ฯลฯ จากปัจจัยเหล่านี้จึงนำมาสู่ "บ้านพลังงานเป็นศูนย์" และ "คอนโด Low - Carbon"
ทั้งนี้ การก้าวมาสู่การพัฒนาดังกล่าว "SENA" มีจุดเริ่มต้นจากความมุ่งมั่นพัฒนาหมู่บ้าน แถมไอเทมโซลาเซลล์ให้กับบ้านทุกหลัง และคอนโดมิเนียมทุกโครงการที่เป็นรายแรกๆ ของไทย ซึ่งได้รับการตอบสนองจากลูกค้าเป็นอย่างดีในการลดค่าใช้จ่าย จึงทำให้เกิดการต่อยอดการพัฒนาด้วยการนำหลักคิดจาก บริษัท ฮันคิว ฮันชิน คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น มาปรับและประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและอากาศ รวมถึงรายจ่ายประจำเดือนของลูกบ้านโดยมุ่งที่จะทำให้การใช้จ่ายด้านพลังงานใกล้เคียงกับศูนย์บาทมากที่สุด ด้วยการลดใช้ไฟฟ้าจากรัฐแต่ยังคงใช้ชีวิตได้ตามปกติ
SENA จึงได้ร่วมมือกับศูนย์บริการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chula Unisearch) ทำการศึกษาและวิจัยการสร้างแบบบ้านจำลอง เพื่อทำการออกแบบบ้านด้วยการศึกษาพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าภายในบ้านของคนไทย เพื่อคำนวณหาค่าไฟฟ้าจากรูปแบบบ้านที่แตกต่างกัน ซึ่งผลจากการวิจัยได้ข้อสรุปว่า บ้านแนวคิดพลังเป็นศูนย์ สามารถประหยัดพลังงานได้สูงสุด 38% โดยที่ลูกบ้านยังคงชีวิตได้ตามปกติ
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ หรือ ดร.ยุ้ย กรรมการ บริษัท SENA กล่าวว่า เสนา เชื่อว่าผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสนใจกระแสรักษ์โลก ทำให้ต้องก้าวไปอีกขั้นหนึ่งไม่ใช่แค่ติดโซลาเซลล์ จากในอดีตมองว่า โลกร้อน เกิดจากโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่ เกิดจากบ้านที่อยู่อาศัย เป็นแหล่งผลิตคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 60% ของโลก เราไปทำอะไรกับโรงงานอุตสาหกรรมได้ไม่มาก ในฐานะเราเป็นคนสร้างที่อยู่อาศัย ทำให้มองเห็นว่าที่อยู่อาศัยเป็นส่วนหนึ่งของการผลิตคาร์บอนฯ ขณะที่โรงงานผลิตเป็นช่วงเวลา แต่บ้านที่อยู่อาศัยสามารถผลิตคาร์บอนฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ดร.ยุ้ย กล่าวเพิ่มเติมว่า การพัฒนาบ้านพลังงานเป็นศูนย์ ต้องมองอนาคตที่ประเทศไทยประกาศไว้ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จะก้าวไปสู่สถานะความเป็นกลางทางคาร์บอนปี ค.ศ. 2050 และสู่ Net Zero ปี ค.ศ. 2065 และขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาจะออกพ.ร.บ. ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่ได้มีการจัดทำร่างพ.ร.บ. ไว้แล้ว หรือที่เรียกว่า พ.ร.บ. โลกร้อน ซึ่งต่อไปจะเป็นภาคบังคับให้ผู้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ออกใบอนุญาตให้กับโรงงานอุตสาหกรรมและก่อสร้างบ้าน ในการหาสิทธิพิเศษเพื่อสร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขณะที่ญี่ปุ่นได้บังคับให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกรายทำบ้านรักษ์โลก หากไม่ทำจะถูกบทลงโทษ แต่หากผู้ประกอบการรายใดทำได้ตามเงื่อนไขจะมีงบประมาณสนับสนุนให้
ดังนั้น ทิศทางการพัฒนาของ SENA ระยะต่อไปจะร่วมกับ ฮันคิว ฮันชิน คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ที่มุ่งพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงการที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร ซึ่งนำนวัตกรรมการใช้วัสดุอุปกรณ์ผนวกกับการผลิตไฟฟ้าจากโซลาเซลล์ เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าใกล้การมีที่อยู่อาศัยแนวคิด บ้านพลังเป็นศูนย์ และคอนโด Low - Carbon ได้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามขณะนี้ผู้บริโภคยังไม่รู้ว่าแนวคิดดังกล่าวคืออะไร เพราะไม่มีประสบการณ์ Before และ After เพราะไม่เคยอยู่บ้านประเภทนี้มาก่อน แต่ทาง เสนา ได้สร้างให้หมดแล้วภายใต้หลักการ ดังนี้
- Active Design คือ การออกแบบอาคารให้มีความยั่งยืนด้านการใช้พลังงาน โดยการนำเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์ทันสมัยเข้ามาช่วยในการออกแบบ เช่น เซนเซอร์ควบคุมระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง และการใช้แอร์ประหยัดพลังงาน
- Passive Design การออกแบบอาคารให้มีความสอดคล้องกับสิ่งแวดล้อม เช่น ทิศทางลม และแสงแดด เป็นต้น
- การมีระบบผลิตพลังงานใช้เองจากพลังงานหมุนเวียน เช่น การนำพลังงานจากแสงอาทิตย์มาสร้างเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อใช้ภายในบ้านให้สอดคล้องกับสภาพอากาศของเมืองไทย และการอยู่อาศัยภายในบ้าน ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิภายในบ้านให้เหมาะสมแต่ละฤดูกาล ผสมผสานการใช้พลังงานที่ใช้ได้เองอย่างมีประสิทธิผล
ดร.ยุ้ย กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนของคอนโด Low - Carbon เป็นการออกแบบที่อาศัยแนวคิดเรื่อง Smart City มาประยุกต์ใช้กับปรับใช้กับฟีเจอร์ต่างๆ ตั้งแต่การการออกแบบบ้านพลังงานเป็นศูนย์ ประกอบด้วย Smart Energy, Smart Mobility, Smart Living, Smart Environment และ Smart People เพื่อให้เป็นชุมชนเป็นเมืองที่น่าอยู่ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ประหยัดรายจ่าย มีสิ่งแวดล้อมที่ดี และที่สำคัญยังมีระบบการให้บริการที่มีความสะดวกสบายใกล้แหล่งงาน โดยใช้แอปพลิเคชันบนมือถือ เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยการใช้เทคโนโลยีวางแผนการเดินทางที่สามารถช่วยในการลดมลภาวะ และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์
"เราจะบอกว่าเสนาทำบ้านรุ่นใหม่ที่อยู่แล้วใช้พลังงานน้อยมาก พลังงานที่ใช้เข้าใกล้ศูนย์ก็เปรียบเหมือนกับการซื้อไฟจากหลวงน้อยมาก เปรียบเหมือนกับอยู่บ้านทั่วไปต้องจ่ายค่าไฟเดือนละ 4,000 บาท แต่อยู่ที่นี่จ่ายค่าไฟเดือนละ 1,500 บาท ตลอดระยะเวลา 20 ปี"
ดร.ยุ้ย ย้ำอีกว่า ปัจจัยลบต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกประเทศ ไม่ว่าจะการปรับขึ้นของค่าก่อสร้าง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ความสามารถในการซื้อบ้านของผู้บริโภคลดลง ทำให้ SENA ต้องปรับตัวด้วยการกระจายความเสี่ยงไปสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ภายใต้ชื่อ "เงินสดใจดี" ในรูปแบบของสถาบันการเงิน ให้บริการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่ไม่ผ่านการอนุมัติจากธนาคารพาณิชย์ ปัจจุบันมีลูกค้าใช้บริการ 400 - 500 ราย รวมถึงกลุ่มธุรกิจเช่าซื้อที่อยู่อาศัย โดยเปลี่ยนฟอร์มจากคนซื้อบ้านมาเป็นผู้เช่าอยู่อาศัย และเมื่อมีความพร้อมก็สามารถซื้อบ้านได้ทันที โดยเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียม คาดว่าจะเริ่มได้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
"อย่างไรก็ตาม การขยายพอร์ตธุรกิจของเสนามองว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับ เสนา ในอนาคต และตลาด อสังหาฯ ภาพรวมคงต้องรอดูการดำเนินนโยบายจากรัฐบาลที่กำลังเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจโดยเฉพาะเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ทั้งระบบ ซึ่งเชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ จะคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น"