Meta จับมือพันธมิตรภาครัฐ ร่วมสร้างอนาคตสู่โลกดิจิทัลปลอดภัยในปี 2567
Meta จับมือพันธมิตรภาครัฐ ร่วมสร้างอนาคตสู่โลกดิจิทัลในงาน "ผนึกความร่วมมือเสริมสร้างความปลอดภัยบนโลกดิจิทัลและป้องกันภัยลวงออนไลน์"
Meta ประกาศความร่วมมือกับ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ร่วมเสริมสร้างความปลอดภัยบนโลกออนไลน์ภายในงาน "ผนึกความร่วมมือเสริมสร้างความปลอดภัยบนโลกดิจิทัลและป้องกันภัยลวงออนไลน์" โดยในงานนี้ได้ประกาศความร่วมมือในสามประเด็นสำคัญ ได้แก่
- ความร่วมมือกันระหว่าง Meta กับ สพธอ. ในการให้ความรู้เรื่องการฉ้อโกงและการหลอกลวงทางออนไลน์ผ่านโรดโชว์ใน 22 จังหวัด ของประเทศไทย
- ความร่วมมือระหว่าง กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความรู้กับธุรกิจขนาดเล็กถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ
- ผลสำเร็จของแคมเปญออนไลน์ "จุดจบสแกมเมอร์" ร่วมกับ 7 ครีเอเตอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังของเมืองไทย และ 8 หน่วยงานพันธมิตร เพื่อให้ความรู้และสร้างความตระหนักถึงเล่ห์กลลวงต่างๆ จาก มิจฉาชีพออนไลน์ โดยความร่วมมือนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อหารือแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อนำไปสู่การหาแนวทางการป้องกันการหลอกลวงทางออนไลน์ อีกทั้งยังมีการพูดคุยถึงประเด็นที่ภาครัฐให้ความสำคัญในปี 2567 และตอกย้ำความร่วมมือในทุกภาคส่วนในด้านมาตรการการป้องกัน การหลอกลวงออนไลน์ และสร้างความน่าเชื่อถือในยุคดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการเสริมสร้างความรู้ด้านดิจิทัล การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในยุคดิจิทัล
แคลร์ อมาดอร์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์ จาก Meta ได้เน้นย้ำถึงการดำเนินงานและวิสัยทัศน์ขององค์กรว่า ความปลอดภัยและการรักษาข้อมูลของผู้ใช้งานคือสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด การหลอกลวงทางออนไลน์ ถือว่าปัญหาที่มีความท้าทายบนโลกอินเทอร์เน็ตในยุคปัจจุบัน เนื่องจากมีลักษณะที่ซับซ้อนและมีการดำเนินการข้ามแพลตฟอร์ม รวมถึงกลลวงต่างๆ จาก มิจฉาชีพ ที่มีการปรับรูปแบบไปเรื่อยๆ โดยส่วนมากอาจมีการดำเนินการผ่านเครือข่ายหลายประเทศ รวมถึงการดำเนินการในรูปแบบออฟไลน์ที่ทำให้แพลตฟอร์มออนไลน์ไม่สามารถเข้าถึงได้ ดังนั้นความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม จึงมีความสำคัญ เพื่อปกป้องชุมชนให้ปลอดภัย เรามีความรู้สึกยินดีกับความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและได้ร่วมงานกับพันธมิตรและครีเอเตอร์ไทยในครั้งนี้ และรอคอยการทำงานต่อเนื่องกับพันธมิตรภาครัฐในประเทศไทยในปี 2567 ที่กำลังจะมาถึง เพื่อสร้างการตระหนักรู้และการให้ความรู้กับประชาชนในการใช้งานแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างปลอดภัย
Meta ให้ความสำคัญในการสร้างการตระหนักรู้เรื่องความปลอดภัยบน โลกออนไลน์ ผ่านแคมเปญ #StayingSafeOnline ภายใต้โครงการ We Think Digital Thailand และมีการนำเสนอสื่อให้ความรู้ต่างๆ เพื่อเสริมสร้างทักษะให้คนไทยรู้เท่าทันกลลวงออนไลน์ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) โคแฟค ( Collaborative Fact Checking) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งแคมเปญนี้ได้รับการเข้าถึงมากกว่า 29 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 42% ของประชากรทั้งหมด
ทั้งนี้ Meta ยังได้เปิดตัวแคมเปญ #จุดจบสแกมเมอร์ ร่วมกับ 8 พาร์ทเนอร์ ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (MDES) สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สภาองค์กรของผู้บริโภค คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสมาคมธนาคารไทย รวมถึง 7 ครีเอเตอร์ และอินฟลูเอนเซอร์ไทย ได้แก่ สะบัดแปรง Kyutae Oppa Softpomz บ้านกูเอง ขายหัวเราะ Nud.ped และ การ์ตูนสร้างสรรค์ เพื่อนำเสนอกล ภัยลวงออนไลน์ ในรูปแบบต่างๆ เพื่อให้คนไทยได้รู้เท่าทันและเรียนรู้เคล็ดลับในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้ โดยแคมเปญดังกล่าวสามารถเข้าถึงผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มของ Meta กว่า 105 ล้านคน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การจัดการ ภัยออนไลน์ เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะบทบาทขององค์กรภาครัฐที่จะร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคส่วนต่างๆ ในการสนับสนุนการสร้างพื้นที่ออนไลน์ที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นในประเทศไทย และขณะที่เราใกล้ถึงบทสรุปของปี 2566 ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญสำหรับโลกดิจิทัลที่เอื้อต่อการเติบโตของ เศรษฐกิจดิจิทัล เมื่อเราเข้าสู่ปี 2567 และต่อๆ ไปในอนาคต
พ.ต.อ. เจษฎา บุรินทร์สุชาติ ผู้กำกับการกลุ่มงานรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตำรวจไซเบอร์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมออนไลน์ ประเภทต่างๆ รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ในหมู่ประชาชนร่วมกัน เพื่อมิให้มีผู้ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ อยากขอให้ประชาชนระมัดระวังการหลอกลวงทางออนไลน์ที่มักแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ การหลอกลวงขายสินค้าบริการและการลงทุนทางการเงิน และการหลอกเอาข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ประโยชน์โดยผิดกฎหมาย หากประชาชนพบเห็นการประกาศหรือโฆษณาของมิจฉาชีพผ่านทางช่องทางใดๆ ขอให้ช่วยรายงานผ่านผู้ให้บริการนั้นทันที แจ้งเตือนคนรู้จักมิให้หลงเชื่อ และแจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการ เพราะความตระหนักรู้และความร่วมมือกับพันธมิตรทุกภาคส่วนเท่านั้น จะช่วยสร้างความปลอดภัยใน โลกออนไลน์ ร่วมกันได้ เราต้องทำงานเป็นทีมเท่านั้น เราคือทีมประเทศไทยที่จะเอาชนะภัยอาชญากรรมออนไลน์ไปด้วยกัน
ดร. ชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เผยว่า สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) มีความมุ่งมั่นอย่างมากในการส่งเสริมการทำ ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้มีความมั่นคงปลอดภัย กำกับดูแลธุรกิจให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด รวมถึงการวางแนวทางในการรับมือและป้องกันปัญหาสแกม โดยเราเชื่อว่าการทำงานร่วมกับพันธมิตรมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง และต้องอาศัยความแข็งแกร่งของพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญอย่างหลากหลาย เช่น พันธมิตรที่มีความพร้อมทางด้านเครื่องมือ พันธมิตรที่มีองค์ความรู้ และพันธมิตรที่มีความสามารถในการเข้าถึงผู้คนเป็นจำนวนมาก เป็นต้น นอกจากนี้ สพธอ. ยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการจัดตั้งศูนย์ AOC สายด่วน 1441 เพื่อให้บริการป้องกันและปราบปราม อาชญากรรมออนไลน์ แบบเร่งด่วนแก่ประชาชน การให้บริการศูนย์รับเรื่องร้องเรียนปัญหาออนไลน์ (1212 Online Complaint Center หรือ 1212 OCC) เพื่อเป็นศูนย์กลางการรับเรื่องร้องเรียนปัญหาที่เกิดจากการซื้อขายทางออนไลน์ และการให้ความรู้แก่องค์กรต่างๆ เพื่อเสริมสร้างการรู้เท่าทันและป้องกันสแกมในอนาคต
สามารถเรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญ #StayingSafeOnline และโครงการ We Think Digital Thailand ของ Meta ได้โดย คลิก หรือติดตามเพจเฟซบุ๊ก We Think Digital Thailand