'รัฐบาลเศรษฐา' เดินหน้า 30 บาทรักษาทุกที่ เฟส 3 ขยายบริการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน
"รัฐบาลเศรษฐา" เดินหน้า 30 บาทรักษาทุกที่ เฟส 3 ขยายบริการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ด้าน รมว.สธ. ขับเคลื่อนนโยบาย 5+5 เร่งรัดพัฒนาสานต่อ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินหน้า 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวตามนโยบาย "รัฐบาลเศรษฐา" ล่าสุดเข้าระยะที่ 3 ประชาชนพอใจเกือบ 100% ยกระดับบริการอำนวยความสะดวก ไม่ต้องรอคิว จัดส่งยาถึงบ้าน พร้อมขับเคลื่อนร่วมกับนโยบาย 5+5 เร่งรัดพัฒนาสานต่อ
วันที่ 28 พฤษภาคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประกาศนโยบายกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2567 - 2568 เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมาว่า นโยบายเป็นไปตามที่ได้ประกาศคือ 5+5 เร่งรัดพัฒนาสานต่อ แบ่งเป็นนโยบาย "เร่งรัด" คือ 1. ยกระดับ "30 บาทรักษาทุกที่" ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว 2. ยาเสพติด 3. การแพทย์ปฐมภูมิ 4. เศรษฐกิจสุขภาพ และ 5. เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพ ส่วนนโยบาย "สานต่อ" คือ 1. โครงการพระราชดำริ โครงการเฉลิมพระเกียรติ และโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับพระบรมวงศานุวงศ์ 2. สร้างขวัญและกำลังใจบุคลากร 3. ส่งเสริมสุขภาพกาย/สุขภาพจิต 4. สถานชีวาภิบาล และ 5. ทุกคนปลอดภัย
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เป็นนโยบายที่รัฐบาลภายใต้การนำของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จัดเป็นอีกหนึ่งนโยบายสาธารณสุขที่สำคัญ ต้องการให้ประชาชนที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา สามารถรับบริการโรงพยาบาลใกล้ๆ ได้ โดยไม่ต้องเดินทางไกล เป็นการอำนวยความสะดวกประชาชน แต่ไม่ใช่เป็นการส่งเสริมให้ไปรักษาโรงพยาบาลอย่างเดียว เพราะรัฐบาลยังมีนโยบายในการส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค เน้นการบริการสุขภาพปฐมภูมิ ใกล้บ้านใกล้ใจ หากอาการไม่รุนแรงสามารถรับยาที่บ้านผ่านระบบการจัดส่งยา ทั้งทางไปรษณีย์ และ Health Rider
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ที่ผ่านมานโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว สธ. ได้ดำเนินการตามไทม์ไลน์ตั้งแต่ระยะที่ 1 เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567 นำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส ระยะที่ 2 เริ่มเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2567 นำร่อง 8 จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญ และพังงา และระยะที่ 3 ในเดือนพฤษภาคม เพิ่มเป็น 6 เขตสุขภาพ จากนั้นระยะที่ 4 ขยายครอบคลุมทั้งประเทศภายในปี 2567 โดยมีการเชื่อมโยงข้อมูลสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (Personal Health Record: PHR) ของโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขครบทุกแห่งและทุกกองทุนสุขภาพ 100% และกำลังขับเคลื่อนเชื่อมข้อมูลร่วมกับโรงพยาบาลนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขอื่นๆ อีกทั้งหน่วยบริการที่เข้าร่วมยังผ่านเกณฑ์การประเมิน รพ.อัจฉริยะ 902 แห่ง มีการยืนยันตัวตนของประชาชนหรือ Health ID แล้ว 17 ล้านคน การยืนยันตัวตนของผู้ให้บริการ หรือ Provider ID จำนวน 276,690 คน มีการเชื่อมต่อ Application และ Line OA หมอพร้อมทั่วประเทศแล้ว 42 ล้านคน แบ่งเป็นจำนวนผู้ใช้งานหมอพร้อม Line OA จำนวน 15.6 ล้านคน และแอปพลิเคชัน หมอพร้อม อีก 26.4 ล้านคน
นอกจากนี้ยังมีการนัดหมายและดำเนินการบริการระบบการแพทย์ทางไกลและเภสัชกรรมทางไกล แบ่งเป็น หมอพร้อมสเตชัน 61,152 ครั้ง สอน.บัดดี้ 1,768 ครั้ง และระบบการบันทึกข้อมูล HIS อีก 28,899 ครั้ง ออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล 96,055 ใบ มีการจัดส่งยาและเวชภัณฑ์โดย Health Rider 103,319 ออเดอร์ในหน่วยบริการที่เข้าร่วมแล้ว 389 แห่ง ซึ่งเกือบ 100% ของผู้รับบริการมีความพึงพอใจในระดับดีมาก ขณะที่การเบิกจ่ายค่าบริการผ่านระบบ Financial Data Hub 192.4 ล้านรายการ เป็นหน่วยบริการที่ส่งข้อมูล 1,299 แห่ง สปสช.พิจารณาอนุมัติแล้ว 4.3 ล้านรายการ (ข้อมูล ณ วันที่ 7 ม.ค.- 10 พ.ค. 2567) สำหรับเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้สั่งการให้โรงพยาบาล หน่วยบริการทุกแห่งยกระดับการป้องกันและสร้างความปลอดภัยขั้นสูงสุด รองรับไปสู่การขยายบริการตามนโยบายยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในเรื่องงบประมาณที่ได้รับมานั้น หลายคนอาจกังวลว่า จะเพียงพอหรือไม่ ซึ่งต้องย้ำว่า นโยบายนี้ไม่ใช่ส่งเสริมให้คนไปรักษาโรงพยาบาลใหญ่ๆ แต่เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล โดยไม่ต้องเดินทางไกล ดังนั้นนโยบายการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ จึงต้องมีการพัฒนาศักยภาพเครื่องมือ เทคโนโลยีในการรักษา เช่น ผ่าตัดวันเดียว ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล การรับยาใกล้บ้าน อย่างร้านยา หรือส่งยาที่บ้านผ่าน Health Rider ที่สำคัญควบคู่กับการส่งเสริมการดูแลระบบสุขภาพปฐมภูมิ มีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในการดูแลครัวเรือนต่างๆ เน้นส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค คนสุขภาพดีก็ไม่ต้องไปรักษาโรงพยาบาลใหญ่ๆ
"สำหรับแผนการขับเคลื่อนนโยบายการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ระยะที่ 3 เป็นไปตามไทม์ไลน์ และจะมีการพัฒนาระบบสนับสนุนกลุ่มเปราะบาง ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมาก" รมว.สาธารณสุข กล่าว
นอกจากนี้ ภายใต้การนำของรัฐบาล ยังให้ความสำคัญนโยบายต่างๆ ตาม 5+5 เร่งรัดพัฒนาสานต่อ อย่างนโยบายการบำบัดผู้ติดยาเสพติด ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขจะแบ่งการบำบัดรักษาฟื้นฟูเป็นกลุ่มอาการสีแดง สีส้ม และสีเขียว ซึ่งสีเขียวมีสัดส่วนที่มากก็จะเป็นการบำบัดร่วมกันผ่านชุมชน เพื่อให้พวกเขามีโอกาสคืนสู่สังคมได้ ส่วนเรื่องกัญชานั้นเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งหมายดำเนินการให้มีการใช้ประโยชน์จากกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ส่วนนโยบายอื่นๆ อย่างเศรษฐกิจสุขภาพ เป็นการเสริมสร้างระบบนิเวศ เพื่อส่งเสริมนโยบายด้านอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสุขภาพ ยกระดับบริการขออนุมัติ/อนุญาตผ่าน E-Service เป็นศูนย์กลางการแพทย์มูลค่าสูง (Medical Hub and Advance Therapy Medicinal Products -ATMPs) ยกระดับมาตรฐานการแพทย์แผนไทย ผลิตภัณฑ์สมุนไพร สร้างงานสร้างอาชีพ และจัดตั้งหน่วยงานขับเคลื่อนภารกิจเศรษฐกิจสุขภาพ