'กรมราชทัณฑ์' สั่งแยกขังนักโทษกลุ่มเพศทางเลือก
"อธิบดีกรมราชทัณฑ์" เผย คุกพัทยา-มีนบุรี-คลองเปรม จัดแยกโซนนักโทษกลุ่มเพศทางเลือก ห้ามปะปนกับนักโทษทั่วไป
นายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เปิดเผยความคืบหน้าการจัดทำแดนพิเศษ เพื่อขังกลุ่มนักโทษที่มีความหลากหลายทางเพศว่า ก่อนหน้านี้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเสนอกรมราชทัณฑ์ให้มีพื้นที่ควบคุมผู้ต้องขังหลายหลายเพศ โดยมีการแยกออกจากแดนทั่วไป แต่สถานการณ์ปัญหาในปัจจุบันเรือนจำทั่วประเทศไม่ได้มีผู้ต้องหาที่มีหลากหลายเพศจำนวนมากถึงขนาดที่ต้องตั้งเรือนจำเฉพาะ เนื่องจากในทางปฏิบัติเรือนจำเพศทางเลือกจะต้องพิจารณาจากความเป็นจริงและสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น
รวมทั้งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไม่ให้ผู้ต้องขังกลุ่มนี้ถูกคุกคามทางเพศ ซึ่งการนำผู้ต้องหาเพศทางเลือกจากเรือนจำอื่นมาอยู่ส่วนกลาง หรือนำผู้ต้องขังเพศทางเลือกจากส่วนกลางไปอยู่เรือนจำเฉพาะอาจส่งผลต่อจิตใจของผู้ต้องขังได้ และจะเกิดความยากลำบากในการเข้าเยี่ยมของครอบครัวด้วย ดังนั้น ทางเลือกที่เป็นไปได้ในการแก้ปัญหาดังกล่าว จึงให้กำหนดโซนเฉพาะสำหรับผู้ต้องขังที่มีความหลากกลายทางเพศ หากเรือนจำใดมีผู้ต้องขังเพศทางเลือกจำนวนมากให้แยกโซนพิเศษเช่นเดียวกับ เรือนจำมีนบุรี เรือนจำกลางคลองเปรม และเรือนจำจังหวัดพัทยา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์ระบุว่า ปัจจุบันมีผู้ต้องขังลงทะเบียนว่าเป็นกลุ่มหลากหลายทางเพศประมาณ 4,000 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 1 จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 3 แสนคน โดยแบ่งเป็นกระเทย 1,800 คน, เกย์ 352 คน, ทอม 1,200 คน, ดี้ 1,000 คน และกลุ่มชายแปลงเพศประมาณ 34 คน
ที่ผ่านมากรมราชทัณฑ์แบ่งกลุ่มเพศทางเลือกเป็น 4 กลุ่ม คือ ผู้ต้องขังชายที่แปลงเพศแล้ว ซึ่งจะมีการตรวจร่ายกายและส่งตัวไปควบคุมที่แดนหญิง ส่วนชายที่มีพฤติกรรมเป็นหญิงหลังจากพิจารณาพฤติกรรมแล้วจะส่งไปที่แดนชายเพื่อรอการพิจารณา เมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วก็ถูกส่งไปคุมที่แดนอื่นต่อไป
ส่วนผู้ต้องขังหญิงรักหญิงจะแยกควบคุมตัวที่เรือนนอนตามมติคณะกรรมการ ส่วนผู้ต้องขังสองเพศยังไม่มีในเรือนจำ แต่หากพบแนวทางปฏิบัติต้องยึดตามสำเนาทะเบียนราษฎร์ที่กำหนดเพศไว้เท่านั้น ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ต้องรอคำวินิจฉัยจากแพทย์หรือคำสั่งศาลให้ผู้ต้องขังเลือกเพศเพื่อเป็นแนวปฏิบัติต่อไป