ชี้หลังคาโซลาร์เซลล์ ลดค่าไฟพันกว่าบาทต่อเดือน
“เสนา” เดินหน้าพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใช้โซลาร์เซลล์อย่างเต็มรูปแบบแห่งแรกในไทย สานต่อโครงการบ้านสีเขียว ผลิตโซลาร์รูฟท๊อป หลังคาบ้านใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นพลังงานทดแทนไฟฟ้า ลดค่าไฟเดือนละ 1,000-3,000 บาท
ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ (SENA) กล่าวว่า บริษัทได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับบ้านและอสังหาริมทรัพย์มาอย่างยาวนาน ซึ่งขณะนี้มีอัตราการแข่งขันค่อนข้างสูง ด้วยฟังก์ชั่น ราคาที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ละบริษัทจึงต้องมีการสร้างจุดขายที่แตกต่างกันออกไป โดยบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เล็งเห็นความสำคัญในการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันผู้บริโภคย่อมจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และให้ความสำคัญกับการประหยัดพลังงานมากขึ้น ควบคู่กับกระแสของโลก และนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมพลังงานทดแทนและยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) บริษัท ซึ่งได้มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ได้เห็นว่าหลายๆ ประเทศรวมถึงประเทศไทย มีการจัดทำบ้านสีเขียว อีกทั้งโดยส่วนได้เห็นถึงอุทกภัยที่เกิดขึ้นในปี 2554 แล้วสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้อยู่อาศัย และสังคมไทย จึงอยากจะส่งเสริมการรักษ์โลก รักสิ่งแวดล้อม จึงได้มาริเริ่มศึกษา โครงการบ้านสีเขียวอย่างจริงจัง โดยมีการศึกษาวิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ไปลงพื้นที่ในประเทศต่างๆ มีการใช้พลังงานแสดงอาทิตย์มาให้เกิดประโยชน์ ทางเสนาจึงมุ่งดำเนินการธุรกิจสีเขียว หรือ Go Green ผลิตบ้านและอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัยที่มีการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ หรือโซลาร์เซลล์ บนหลังจากที่อยู่อาศัย ที่เรียกว่า โซลาร์รูฟท็อป และสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger Station) บริการแก่ผู้ใช้รถ EV ให้กับทุกโครงการของเสนา
“เราเริ่มโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป หรือแผนโซลาร์เซลล์ แก่โครงการของเสนา ตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งเริ่มแรกต้องยอมรับว่ายังไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร เพราะธุรกิจของเราเป็นการขายบ้าน และคนซื้อบ้านส่วนใหญ่ดูทำเล ฟังก์ชั่นต่างๆ แต่บ้านในโครงการของเรา ซึ่งขณะนี้ประมาณ 40 โครงการ ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือคอนโด จะมีการติดตั้งแผนโซลาร์เซลล์ เพื่อใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ และมีการสำรวจพบว่าช่วยลดค่าไฟฟ้าแต่ละบ้านได้ประมาณ 1,000-3,000 บาท แล้วแต่ว่าบ้านไหนใช้มากน้อยอย่างไร โดยได้มีการพัฒนาการส่งเสริมการขาย การทำความเข้าใจ และมีการพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่จะช่วยให้ลูกบ้านทุกคนได้เห็นถึงค่าใช้จ่าย การประหยัดพลังงาน ลดค่าไฟฟ้าได้อย่างไรบ้าง รวมถึงยังเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความตระหนัก ส่งเสริมให้ลูกบ้านทุกคนได้เห็นถึงความสำคัญของการใส่ใจสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานทดแทน และเห็นคุณค่าในการปลูกต้นไม้ เป็นต้น” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว
ปัจจุบัน เสนาได้ดำเนินการธุรกิจการำนพลังงานทดแทนมาใช้ในโครงการเกือบทุกโครงการ เช่น มีการติดตั้งโซลาร์รูฟท๊อป 12 โครงการ หรือกำลังการผลิตรวม 266 กิโลวัตต์ สามารถช่วยลดคาร์บอนได้ออกไซด์ได้ 44.7 กิโลกรัม หรือเทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 26 ต้น และหากมีการติดตั้งโซลาร์ฯ มากขึ้นเรื่อยๆ เชื่อว่านอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย ค่าไฟในครัวเรือนแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนได้เป็นอย่างดี
ผศ.ดร.เกษรา กล่าวต่อว่าธุรกิจของเสนา เป็นธุรกิจการขายบ้าน และตอนนี้มีการขยายไปขายในส่วนของโซลาร์เซลล์ เพราะอยากส่งเสริมให้ทุกๆ อสังหาริมทรัพย์ได้ช่วยกันลดการใช้พลังงานไฟฟ้าและหันมาใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น โดย 97% ของเสนา เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจสีเขียว และอีก 3% ไปทำธุรกิจด้านอื่น โดยการพัฒนาการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ในโครงการบ้านต่างๆ ของเสนานั้น จะมีการเปิดโอกาสให้ผู้อยู่อาศัย ลูกบ้านสามารถเลือกการติดตั้งแผนโซลาร์รูฟท็อปที่เหมาะกับบริบท ไลฟ์สไตล์ของบ้านแต่ละหลัง เพราะต้องยอมรับว่าบ้านแต่ละหลังมีการใช้ไฟฟ้าไม่เหมือน ดังนั้น ได้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โซลาร์เซลล์เต็มรูปแบบที่ผู้บริโภคสามารถเข้ามาเลือกได้เองว่าต้องการแบบไหน และในอนาคตหากรัฐบาลมีการเปิดเสรีของพลังงานทดแทนมากขึ้น คาดว่าจะมีการพัฒนาไปในส่วนของแบตเตอรี่ และทุกบ้านของโครงการเสนา จะสามารถชาร์ตไฟ ผลิตไฟฟ้าได้เองเหมือนในขณะนี้แต่จะเพิ่มเติมในส่วนของการชาร์ตแบตเตอรี่ร่วมด้วย
“โซลาร์รูฟท็อป เป็นพลังงานแสงอาทิตย์ที่เสนาเรียนรู้เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานทดแทน ที่นับวันยิ่งมีค่าต้นทุนที่ต่ำ เราตระหนักถึงสิ่งแวดล้อมที่ดีกว่าและช่วยผู้ซื้อบ้านของเสนาทุกหลังจะเสียค่าไฟฟ้าที่ถูกลงตลอดระยะเวลา 25 ปี รวมถึงผู้ซื้อคอนโดมิเดียมต่างๆ ของเสนา พื้นที่ส่วนกลางจะมีการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งจะช่วยลดค่าไฟส่วนกลางของคอนโดลง ดังนั้น เราให้ความสำคัญทุกขั้นตอนของการพัฒนาโครงการบ้านและอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบของเสนา ตั้งแต่การออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ การใช้นวัตกรรมช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ซื้อ และช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมของโลก” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว