แถบมิดเวสต์สหรัฐหนาวจัด-เสียชีวิต21คน
ขณะออสเตรเลียเจออากาศร้อนจัด อุณหภูมิทะลุ 46.6 องศาเซลเซียส ส่งผลปลาตายเกลื่อน
ประชาชนหลายรัฐในแถบตอนกลางและตะวันตกของสหรัฐต้องหนาวสะท้านเป็นวันที่ 2 ในวันพฤหัสบดี (31 ม.ค.)อิทธิพลจากปรากฏการณ์ “โพลาร์ วอร์เท็กซ์” ( Polar Vortex )
ในรัฐมิชิแกนและมินนิโซตา ปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองใกล้หมดเต็มที ทางการขอให้ประชาชนลดใช้ความร้อนในทุกที่ที่ลดได้ รวมถึงในอาคารราชการ ท่อประปาในเมืองดีทรอยต์ ชิคาโก และหลายเมืองของแคนาดากลายเป็นน้ำแข็ง มีรายงานไฟฟ้าดับในรัฐไอโอวาและวิสคอนซิน ถึงช่วงบ่ายวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ชิคาโกยกเลิกเที่ยวบินไปแล้วเกือบ 1,700 เที่ยว
ชาวอเมริกัน 90 ล้านคน หรือ 1 ใน 3 ของสหรัฐ เผชิญสภาพอากาศหนาวเย็นติดลบและชาวอเมริกัน 250 ล้านคนต่างรับรู้ถึงสภาพอากาศลมวนขั้วโลก ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศหนาวจัด 21 คน
สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติคาดว่าคืนวันพฤหัสบดีอาจมีหิมะตกอีกรอบ หลังจากเกิดพายุหิมะช่วงสุดสัปดาห์ไปแล้วรอบหนึ่งอุณหภูมิหนาวจัดจะดีขึ้นในวันศุกร์ (2 ก.พ.) แต่อากาศเย็นยังไม่ยุติลงง่ายๆกระแสลมเย็นราว -29 ถึง -46 องศาเซลเซียสยังปกคลุมพื้นที่ตอนบนของมิดเวสต์
ส่วนที่ออสเตรเลียเจอสภาพร้อนจัดมานานหลายสัปดาห์ ร้อนชนิดที่ว่าถนนแทบละลาย สัตว์และปลาตายเกลื่อน โดยเมื่อวันที่ 24 ม.ค.เมืองแอดิเลดทางภาคใต้ของประเทศ ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 46.6 องศาเซลเซียส ถือเป็นวันที่ร้อนที่สุดของเดือน ม.ค.ด้วยสภาพอากาศที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทางการออสเตรเลียออกประกาศเตือนให้ประชาชนอยู่ในบ้านช่วงที่อากาศร้อนจัด งดกิจกรรมกลางแจ้ง และดื่มน้ำบ่อยๆ
ขณะที่นายไมเคิล กรอส นักวิจัยวิทยาศาสตร์อาวุโส ศูนย์วิทยาศาสตร์อากาศ เผยว่า ภายในปี 2643 หากประเมินกันอย่างเลวร้ายที่สุด ออสเตรเลียต้องเจออุณหภูมิสูงเกิน 40 องศาเซลเซียสถึง 22 วันต่อปี