เส้นทางอำนาจ! 'อภิรัชต์-เสรีพิศุทธ์' แค้นรัฐประหารจากพ่อสู่ลูก?
เปิดปูมหลัง..เส้นทางอำนาจ! "อภิรัชต์-เสรีพิศุทธ์" แค้นรัฐประหารจากพ่อสู่ลูก?
นาทีนี้จะมีใครมาแรงเท่า “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เขาคือบุคคลผู้ไม่เคยขาดตกไปจากฉายา “นายทหารพิเศษผู้จงรักภักดี" ไปเลยแม้แต่น้อย
ในมิติประวัติศาสตร์การทหาร-การเมือง ตระกูล “คงสมพงษ์” ได้เป็น ผบ.เหล่าทัพ ถึงสองคน โดยทิ้งระยะห่างประมาณ 29 ปี จากรุ่นสู่รุ่น ด้วยบุคลิกของพ่อกับลูกที่ไม่ต่างกันนัก
ชาติทหารหยามไม่ได้
คงยังจำได้ดีกับเคสให้ไปฟังเพลง “หนักแผ่นดิน” ที่บิ๊กแดงสวนกลับ “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ขึ้นปราศรัยเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตอนหนึ่งว่าจะตัดงบกลาโหม 10% มาสร้างคนรุ่นใหม่
จากนั้น ยังโชว์เหนือด้วยการหยิบเอานโยบาย Smart Soldier-Smart Army ที่ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ขณะดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. เคยเริ่มไว้ ลุกขึ้นมาเรียกเสียงฮือฮาไปทั่วกับการโชว์วิดพื้น และซิท-อัพ เกณฑ์ 72 ครั้ง และวิ่ง 2 กิโลเมตร
ที่จริง ลีลาของบิ๊กแดงช่วงหลังๆ ก็มีการมองหากลิ่นแปลกๆ อยู่บ้างพอสมควร ยิ่งมาถึงความเคลื่อนไหวล่าสุด หลายคนก็แทบจะไม่หายใจ
กับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา บิ๊กแดงนำข้าราชการทหารและกำลังพลกว่า 700 นาย กล่าวคำปฏิญาณตนและถวายบังคมหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 หน้าหอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก ด้วยน้ำเสียงที่ดังฟังชัดกึกก้องไปทั่วบริเวณ ว่า
“ข้าพระพุทธเจ้า จักรักษามรดกของพระองค์ท่าน ไว้ด้วยชีวิต” (3 ครั้ง) ก่อนจะนำกำลังพลกล่าวคำปฏิญาณตนตามที่ได้เตรียมไว้
แน่นอนการแสดงออกครั้งนี้ เพื่อตอบโต้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ต่อว่าเจ้าหน้าที่ทหารขณะลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.ปราจีนบุรี
แต่มองอีกมุม นี่คือการตอกย้ำว่ากองทัพบกภายใต้การดูแลของบิ๊กแดง ไมใช่ใครจะเคี้ยวข่มกันได้ง่ายๆ บรรยากาศการกล่าวคำปฏิญาณตนครั้งนี้ จึงค่อนข้างเข้มขลังไม่น้อยเหมือนกัน
เส้นทาง“บิ๊กแดง”
เส้นทางชีวิต “บิ๊กแดง" ช่างน่าสนใจ เพราะการได้นั่งตำแหน่งที่คนไทยซึ้งดีว่ามีบทบาทต่อการเมืองไทยขนาดไหน ย่อมเป็นบุคคลไม่ธรรมดาอยู่แล้ว
อย่างที่รู้ นอกจากนายทหารสาย “บูรพาพยัคฆ์” ที่มีบทบาทอย่างสูงหลังการรัฐประหารปี 2549 แล้ว ยังมีนายทหารสาย “วงศ์เทวัญ” ที่มาคู่คี่กัน เพียงแต่ช่วงหลังจะเฟดออกไปให้สายบูรพาพยัคฆ์มากกว่า
แต่บิ๊กแดง คือ สายวงศ์เทวัญที่สามารถขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ได้ หลังว่างเว้นไปถึง 15 ปี นับแต่ พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์ เคยดำรงตำแหน่งในปี 2545-2546
บิ๊กแดงเกิดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2503 บิดามารดาคือ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ พ.อ.หญิง คุณหญิงอรชร คงสมพงษ์
ในด้านการศึกษา บอกเลยเข้มทั้งในและต่างประเทศ เพราะนอกจากเขาจะเป็นหนึ่งใน “เซนต์คาเบรียล คอนเนกชั่น” แห่งสายเลือดน้ำเงิน-ขาวแล้ว
เขายังเป็นนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 20 (ตท.20), และยังจบจากโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 31 (จปร.31)
นายทหารผู้จงรักภักดี
โดยเริ่มรับราชการเป็นนักบินที่ศูนย์การบินทหารบก ก่อนโอนย้ายมาอยู่เหล่าทหารราบ ขึ้นเป็นผู้บังคับหน่วยภายในกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.)
จากนั้นขยับขึ้นมาตามลำดับชั้น โดยดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 (1 ต.ค. 2559–30 ก.ย. 2560)โดยการเสนอชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จากนั้นดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 และเข้าสู่เส้นทาง 5 เสือกองทัพบก เป็น ผบ.ทบ. ช่วง 1 ตุลาคม 2561 โดยจะมีอายุราชการถึงปี 2563
อย่างไรก็ดี ระหว่างทางกว่าที่จะมาถึงวันนี้ ฉากหลังที่โดดเด่นของบิ๊กแดง คือ “จุดยืน ปกป้อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ผู้เคยเผชิญหน้ากับม็อบ และแกนนำเสื้อแดงมาไม่น้อย
ชีวิตส่วนตัว บิ๊กแดงสมรสครั้งที่ 2 กับ ดร.อ้อ กฤษติกา คงสมพงษ์ นักวิชาการและ อดีตพิธีกรรายการโทรทัศน์
มีบุตรชาย-บุตรสาวที่เกิดจากภริยาคนแรก ชื่อ “พลุ” ร.อ.พิรพงศ์ คงสมพงษ์ และ “เพลิน” ร.ท.พญ.อมรัชต์ คงสมพงษ์
แต่ที่เด็ดคือ บิดาเขาคืออดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร หรือ “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ผู้ที่คนไทยไม่เคยลืม
แค้นเก่า “บิ๊กจ๊อด-เสรีพิศุทธ์”
ย้อนไปก่อนหน้าจะเกิดรัฐประหาร 2534 สถานการณ์อึมครึมระหว่างกองทัพกับ “ทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก” ทำให้นายกรัฐมนตรี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้เชิญ “พล.ต.มนูญ รูปขจร” หรือ “พล.ต.มนูญกฤต รูปขจร” มาเป็นที่ปรึกษา
ตอนนั้น “มนูญกฤต” ดัน “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” เป็นผู้บังคับการกองปราบปราม เพราะเชื่อฝีมือในความห้าว ไม่เคยก้มหัวให้ทหาร เสมือนยกระดับกองปราบฯ เป็นกองกำลังปกป้องรัฐบาล
ผนึกกับ “ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ที่เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแล อสมท และประกาศต่อต้านการปฏิวัติ โดยใช้รถโมบายของ อสมท ติดตามความเคลื่อนไหวของการเตรียมการปฏิวัติ
ช่วงตึงเครียด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้นำกำลังกองปราบฯ มารายล้อมบ้านพักนายกฯชาติชาย ภายในซอยราชครู เมื่อคณะผู้ก่อการยึดอำนาจ ใช้วิธีบุกจับ “พล.อ.ชาติชาย” บนเครื่องบิน “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จึงนั่งหัวโต๊ะประกาศยึดอำนาจ และ “บิ๊กจ๊อด” ได้เป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.)
“เฉลิม” หนีออกนอกประเทศ ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ถูก พล.อ.สุนทร เรียกรายงานตัวที่ศูนย์บัญชาการ รสช. สนามเสือป่า
การที่ พล.อ.อภิรัชต์ ต้องแจ้งความดำเนินคดีหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ถือเป็นการประกาศศึกอีกรอบ ระหว่าง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กับตระกูล “คงสมพงษ์” เพียงแต่เปลี่ยนจากรุ่นพ่อมาเป็นรุ่นลูก