ไม่พลาด 'สมพงษ์' นั่งหน.เพื่อไทยคนใหม่ นำฝ่ายค้านสู้ศึกสภา
"เพื่อไทย" ยกเครื่องกก.บริหารพรรคใหม่ "อนุดิษฐ์" เป็นเลขาฯ - "อนุสรณ์" รับโฆษก "สมพงษ์" รอติวเข้มยก 3 อีเว้นท์ 7 พรรคร่วมตรวจสอบรัฐบาล โต้ "ประยุทธ์" ไม่คิดใช้สภาล้มรัฐบาล "หญิงหน่อย" ปธ.ยุทธศาสตร์พรรค ย้ำสร้างฝ่านค้านเข้มแข็ง
เมื่อวันที่ 12 ก.ค.62 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ ห้องประชุมชั้น 7 เวลา 13.30 น. ภายหลังพรรคได้จัดให้ลงคะแนนหัวหน้าพรรคคนใหม่ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ทั้งหมด ในการประชุมใหญ่วิสามัญเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาหลังจากที่ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ , นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ได้ยื่นหนังสือลาออก โดลผลการลงคะแนน ที่ประชุมพรรคมีมติเลือก "คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 29 คน" เข้ามาทำหน้าที่ดังนี้ "นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์" ส.ส.เชียงใหม่ เป็นหัวหน้าพรรค ขณะที่รองหัวหน้าพรรค 15 คน ประกอบด้วย นายปลอดประสพ สุรัสวดี , นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง , นายชูศักดิ์ ศิรินิล, นายไพจิต ศรีวรขาน , นายเกรียง กัลป์ตินันท์ , นายวิทยา บุรณศิริ , นายสามารถ แก้วมีชัย , นายวิชาญ มีนชัยนันท์ , นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว , นายชวลิต วิชยสุทธิ์ , นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ , นายประเสริฐ จันทรรวงทอง , นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร , นายนคร มาฉิม , พล.ต.ท.สมศักดิ์ จันทะพิงค์
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคคนใหม่ ได้แก่ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และรองเลขาธิการพรรรค 7 คน คือ นางละออง ติยะไพรัช , นายจตุพร เจริญเชื้อ , นายจิรายุ ห่วงทรัพย์, นายศราวุธ เพชรพนมพร , นายสุรชาติ เทียนทอง , น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล , นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล โดยมีกรรมการบริหารพรรค 2 คน คือ นายประพนธ์ เนตรรังษี , นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ ขณะที่นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย เป็น ผอ.พรรค , นายจักรพงษ์ แสงมณี เป็นนายทะเบียนพรรค , นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เป็นเหรัญญิก และนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด เป็นโฆษกพรรค ซึ่งภายหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่แล้ว "นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์" กล่าวถึงการขับเคลื่อนพรรคว่า พรรคเราได้ผสมผสานผู้ที่มีความรู้ความสามารถทั้งในส่วนของผู้อาวุโส และบุคลากรรุ่นกลางเข้ามาช่วยกันงาน โดยคณะกรรมการบริหารพรรคก็มีเพียง 29 คน ดังนั้นในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคก็คิดว่าจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาอีกหลายคณะ เริ่มตั้งแต่คณะที่ปรึกษาพรรค อย่างที่นายเสนาะ เทียนทอง เป็นประธานที่ปรึกษา คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคที่มีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นประธาน และยังมีคณะต่างๆ อีกที่รวบรวมคนรุ่นกลาง รุ่นเล็กที่อยู่ในสังกัดพรรคเพื่อไทยมาร่วมกันทำงาน และเราจะทำงานประสานกับประชาชน พรรคเพื่อไทยจะทำเพื่อประชาชน โดยประชาชนให้ข้อมูลมาแล้วเราจะทำ
โดยหลังจากนี้จะมี 3 ส่วนสำคัญที่จะต้องติดตามดำเนินการ คือ 1.การจัดแถลงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเรายังไม่ได้รับข้อมูลว่าเขามีนโยบายอย่างไรแต่เราก็กำลังจะหาอยู่ ซึ่งหากนโยบายของเขาดีก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าส่วนใดไม่ดีเราก็ต้องหาทางชี้แจงแก้ไขว่าเขาควรปฏิบัติอย่างไร อะไรที่ไม่ดีเราก็จะให้ข้อคิดกันในสภา เราฝ่ายค้านที่มีด้วยกัน 7 พรรคเราก็ขะทำความตกลงกันว่าจะเป็นฝ่ายค้านที่ยึดมั่นในความเที่ยงธรรม 2.ช่วงเดือน ส.ค.- ก.ย.นี้ คือเรื่องการจัดสรรงบประมาณ เราต้องการู้ว่าวิธีการจัดการงบประมาณของรัฐบาลใหม่จะทำอย่างไร เพราะตัวอย่างที่ผ่านๆ มา ในสภาของรัฐบาลเก่า พิจารณาผ่านงบประมาณในเวลา 2-3 ชั่วโมง กว่า 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเราไม่สามารถตรวจสอบได้ โดยสภาปัจจุบันควรต้องใช้เวลาพิจารณานานพอสมควร เราต้องดูให้ละเอียดว่านำเงินไปทำอะไรบ้าง 3.ก่อนจะปิดสมัยประชุมสภาฯ เราจะพิจารณาดูตัวรัฐมนตรีแต่ละคน และคุยกับพรรครร่วมฝ่ายค้านว่าถึงเวลาหรือยังที่จะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตัวนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีทั้งคณะ จะต้องคุยกัน โดยยังไม่ขอเอ่ยชื่อว่าเป็นใคร ท่านรู้ตัวท่านเอง เพราะที่ผ่านๆ มา สื่อมวลชนเคยให้ข้อคิดไปเยอะแล้ว
"นายสมพงษ์" หัวหน้าพรรค พท. ยังตอบถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บอกไม่อยากให้ใช้สภามาล้มรัฐบาลด้วยว่า สภาไม่ได้ล้มรัฐบาล พี่น้องประชาชนจะเห็นเอง และถ้าพูดถึงจะให้สภาไปล้มรัฐบาลเองก็ทำไม่ได้ง่ายๆ เพราะรัฐบาลก็ยังมีเสียงมากกว่าเรา 5-6 เสียงเขาก็ยังแปะกันได้ ก็ต้องขยันกันหน่อย เมื่อถามว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทย ต้องผันตัวเป็นฝ่ายค้านแล้วแต่อาจยังไม่ถนัดงานด้านนี้จะทำอย่างไร "นายสมพงษ์" กล่าวว่า การเป็นฝ่ายค้านเราเป็นผู้แทนราษฎร เราเป็นพรรคการเมืองเราจะเลือกไม่ได้ อย่างที่จริงครั้งนี้พรรคเพื่อไทยได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องประชาชนเต็มเม็ดเต็มหน่วยแต่เนื่องจากความบกพร่องในข้อกฎหมายและแนวทางการจัดตั้งรัฐบาล และก็จะเห็นว่ากว่าฝ่ายที่เขาตั้งรัฐบาลก็ใช้เวลานานถึง 3 เดือนกว่าตั้งได้ ความพิกลพิการของรัฐธรรมนูญทำให้เกิดสถานการณ์อย่างวันนี้ ซึ่งเราเป็นพรรคเมืองก็ต้องทำหน้าที่ได้ทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล วันนี้มาเป็นฝ่ายค้านเราก็จะทำงานให้เต็มที่ที่สุด
เมื่อถามถึงระดับผู้ใหญ่ในพรรคที่ไม่ได้เป็น ส.ส. แล้วไม่ได้เข้าไปทำหน้าที่ในสภาด้วยจะดำเนินการอย่างไรต่อไป "นายสมพงษ์" กล่าวว่า เราก็เรียนรู้กันได้ ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคที่ไม่ได้เข้าไปทำงานในสภาก็ยังเป็นที่ปรึกษาอยู่ เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ก่อนที่จะมาเป็นพรรคเพื่อไทยจะวางมือทางการเมือง จริงหรือไม่ "นายสมพงษ์" กล่าวว่า "โอ้ย ไม่ทราบจริงๆ ครับ มีแต่ข่าว ผมไม่ทราบ ก็ยังไม่ได้ติดต่อกับท่านทักษิณเลย เรียนด้วยเคารพก็สุดแท้แต่ท่าน" เมื่อถามว่า ตลอดที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยไม่เคยวางภาพของความเป็นชินวัตรออก แล้วการปฏิรูปโครงสร้างพรรคครั้งนี้จะสบัดภาพนั้นออกได้อย่างไร "นายสมพงษ์" กล่าวว่า เราจึงตั้งคณะกรรมการใหม่ขึ้นมา สมัยก่อนมีแต่สตั้นแมน แต่อันนี้ไม่มีนอมินี ส่วนตัวของท่านทักษิณ ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่าน "พรรคเราไต่เต้าขึ้นมาจากการสร้างของท่านทักษิณ ซึ่งเราเคารพนับถือในความสามารถของท่าน ตั้งแต่ไทยรักไทย มาถึงพลังประชาชน แต่พรรคเพื่อไทยตอนนี้ท่านก็เกือบจะวางมืออยู่เหมือนกันเราก็ทำงานกันเอง เรามีบุคลากรมากอยู่เหมือนกัน"
เมื่อถามว่า การแบ่งฝ่ายความเห็นต่างในพรรคยังอยู่หรือไม่ "นายสมพงษ์" หัวหน้าพรรคคนใหม่ ก็กล่าวยอมรับว่า เป็นธรรมดาในพรรคการเมือง ก็มีกลุ่มไหนชอบ กลุ่มไหนไม่ชอบ ทุกคนก็เข้าใจกัน งานก็แบ่งกันให้ทั่วถึงใคร ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังที่มีมติเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้ทั้ง 29 ที่ได้ทั้งผู้อาวุโส และคนรุ่นใหม่ประสานกันแล้ว "นายเสนาะ เทียนทอง" ซึ่งยังคงได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคในวัย 86 ปี ได้กล่าวต่อที่ประชุมท่ามกลางสมนชิกพรรคที่มีหลากหลายวัยว่า ผมเข้ามาร่วมงานสมัยนายทักษิณ เมื่อวันที่ 1 เม.ย.43 นายทักษิณ เชิญมาร่วมกับพรรค โดยตั้งแต่อดีตนับตั้งแต่ไทยรักไทยก็ได้เป็นพรรคอันดับหนึ่งมาตลอด แต่ขณะนี้เรามาเป็นฝ่ายค้านทั้งที่มีเสียงมากที่สุด โดยที่เราต้องมาเป็นค้านก็จากมีนักกฎหมายผู้เฒ่าผู้แก่คนหนึ่งซึ่งคนระดับนี้เคยเป็นรัฐมนตรี ไปออกกฎหมายตามคำสั่งโจรห้าร้อยปล้นประชาธิปไตย และยังใช้นักกฎหมายไปเขียนอะไรต่อมิอะไรวุ่นวาย เขียนให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายย่อยยับ ตั้งแต่ตนเล่นการเมืองมา 43 ปียังไม่เคยเห็นการกระทำอย่างนี้
ส่วนที่ตอนนี้ดูข่าวแล้วมักเจอเสียงพูดถึงแต่คนรุ่นใหม่ๆ ก็คิดว่าเลิกซะดีมั้ย ผมก็เอาอายุ 20 ปี ฝากไว้ที่ธนาคารก่อน ตอนนี้ผมอายุ 66 ปีก็ยืนยันว่าผมยังไม่เลิก ผมยังมีหัวใจเปี่ยมล้นที่จะทำงานกับน้องรุ่นหลังอีกต่อไป คำว่าเลิกเท่ากับปฏิเสธความรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ตราบใดยังมีลมหายใจไปไหนมาไหนได้ ผมไม่ยอมเลิก ผมยังคิดว่าพอมีบารมีอยู่พอสมควร ซึ่งผมยังมีจิตใจแน่วแน่ที่จะสร้างอะไรเพื่อบ้านเมือง ขณะที่พรรคการเมืองจะเดินไปได้อย่างมีสง่าราศี ก็ต้องมีความรักสามัคคีกัน และจะต้องทำให้การเลือกตั้งชนะทุกครั้ง โดยในพรรคเพื่อไทย ผมยังแน่ใจว่าไม่มีสัตว์เลื่อยคลานในพรรคอย่างเด็ดขาด และที่สำคัญก็ยังมีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเป็นกำลังสำคัญด้วย
ด้าน "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค กล่าวว่า พรรคไทยรักไทยก่อตั้งมาวันที่ 14 ก.ค.41 อีก 2 วันจากนี้ก็จะครบ 21 ปีแล้ว ซึ่งทีมเพื่อไทยที่โตจากพรรคไทยรักไทยเราจะยังมุ่งมั่นทำงานหนักด้วยสติปัญญาที่ทำให้คนอยู่ดีกินดี "สถานกาณ์วันนหนักหนา หนักหน่วงกว่าทุกครั้ง การต่อสู้มาถึง 21 ปีแต่เชื่อว่ายังไม่มีใครท้อถอย โดยเราต้องปรับตัวเพราะเราเจอความ 3 ความท้ายทาย 1.ความท้าทายทางการเมือง ต่อสู้กับรัฐธรรมนูญ-กติกาที่บิดเบี้ยว ประชาธิปไตยจอมปลอม การใช้กลโกง-อำนาจรัฐมิชอบ 2.ความท้าทายทางด้านเศรษฐกิจที่ตกต่ำหนักมาก 3.ความท้าทายต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยจากนี้เราจะเข้าสู่ยุคเพื่อไทยยุคใหม่ เข้าถึงปัญหาประชาชนเป็นสะพานเชื่อมให้ประชาชนมามีส่วนร่วมพรรคให้มากขึ้น เข้าสู่ยุคประชาชนคิดเพื่อไทยทำ เราจะทำช่องทางการสื่อสาร เป็นพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วมเสนอความคิด ร่วมติดตามทำงานกับเพื่อไทย เราจะเปิดพื้นที่ชั้น 1 อาคารพรรค ทำ coworking space เป็นศูนย์ฝึกอบรมคนรุ่นใหม่เพื่อเพิ่มศักยภาพ ซึ่งจะทำให้เสร็จใน 2 สัปดาห์ ยืนยันเราจะเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็ง แก้ปัญหาพี่น้องทันทีโดยไม่รออำนาจรัฐ"