7 พรรคฝ่ายค้าน ประกาศ 4 สิงหาฯคิกออฟรณรงค์แก้ รธน.ทั่ว ปท.
7 พรรคฝ่ายค้าน ประกาศ 4 สิงหาฯคิกออฟรณรงค์แก้ รธน.ทั่วประเทศ ชูโมเดลปี 40 ตั้งส.ส.ร.ยกเป็นวาระแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 2 ส.ค.62 ที่พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) มีการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยมีแกนนำจากทั้ง 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และนายวัชรา ณ วังขนาย เลขาธิการพรรคเสรีรวมไทย
หลังการประชุมเสร็จสิ้น แกนนำ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันแถลงข่าว โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า สำหรับการประชุมในวันนี้ประเด็นหลักที่ได้มีการพูดคุยกันคือ ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเราจะทำร่วมกับประชาชน ภาควิชาการ และองค์กรต่างๆ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่แต่ละพรรคจะรณรงค์กันเองตามความถนัด ซึ่งพรรคอนาคตใหม่จะคิกออฟโครงการสภาร่างรัฐธรรมนูญภาคประชาชน ในวันอาทิตย์ 4 สิงหาคมนี้
อีกส่วนหนึ่งคือ 7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะรณรงค์ร่วมกันโดยการเดินสายจัดเวทีทั่วประเทศ ซึ่งเราจะคิดแคมเปญขึ้นมา เพื่อท้ายที่สุดแล้วเราจะทำร่างรัฐธรรมนูญที่มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ คล้ายกับปี 2540 แล้วให้ประชาชนมาเข้าชื่อสนับสนุน ทั้งนี้ เวลาที่เราพูดถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรามักจะถูกฝ่ายที่คัดค้านหยิบยกข้ออ้างมาว่า รัฐธรรมนูญ 60 ผ่านการออกเสียงประชามติ ถ้ามีการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำมาซึ่งความขัดแย้ง ดังนั้นหน้าที่ของทั้ง 7 พรรค จะต้องลงไปตอบคำถามเหล่านี้ว่ารัฐธรรมนูญ 60 เป็นพิษภัยอย่างไรต่อพี่น้องประชาชน และการแก้รัฐธรรมนูญไม่ใช่ความวุ่นวาย
เมื่อถามว่า การแก้รัฐธรรมนูญต้องใช้เสียงส.ว.ด้วย นายปิยบุตร กล่าวว่า ทุกคงทราบดีว่ารัฐธรรมนูญปี 60 ถูกออกแบบมาให้แก้ไขยากมาก หรือในทางปฏิบัติอาจจะแก้ไม่ได้เลย และทุกคนคงทราบต่อไปอีกว่า ส.ว. ทั้ง 250 คนนั้นมาจากการเลือกของหัวหน้า คสช. การจะแก้รัฐธรรมนูญต้องอาศัยเสียง 1 ใน 3 หรือประมาณ 84 คน จึงเป็นการยากอย่างยิ่ง แต่หากเราไปย้อนดูการเกิดขึ้นของรัฐธรรมนูญปี 40 แล้ว ก็ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้นมาได้ แต่สุดท้ายก็ผ่านเพราะกระแสกดดัน และกระแสการเรียกร้องจากพี่น้องประชาชน
“ดังนั้น ผมคิดว่า แม้ว่า ส.ว.จะมาจากการแต่งตั้งของหัวหน้า คสช. ก็ตาม แต่หากประชาชนแสดงความต้องการออกมาจนเป็นที่ประจักษ์ชัดที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แล้วทำรัฐธรรมนูญใหม่ร่วมกัน ผมคิดว่า ส.ว.ก็จะต้องฟังเสียงของประชาชน”นายปิยบุตร กล่าว
เมื่อถามว่า จะไปทาบทามฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลมาแก้รัฐธรรมนูญร่วมกันเลยหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญนี้เราควรทำเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ใช่วาระของพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เราต้องร่วมมือกัน ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพรรคการเมืองหลายพรรคได้หาเสียงเรื่องนี้ไว้เยอะจนเป็นการกดดันให้รัฐบาลต้องบรรจุลงในนโนยบาย ก็หวังว่าพรรคการเมืองอื่นๆจะเข้ามาร่วมในเส้นทางนี้กับพวกเรา
ด้านนายภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลคิดว่าวันนี้มีประเด็นปัญหาที่โต้แย้งกันเยอะ สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของรัฐธรรมนูญที่สร้างปัญหาให้เกิดขึ้นกับประเทศ ไม่ว่าจะเป็นกรณีการเลือกตั้ง การคำนวนส.ส. หรือปัญหาวิกฤติต่างๆ กว่าจะตั้งรัฐบาลได้ต้องใช้เวลายาวนาน การให้อำนาจประชาชนได้ตรวจสอบ และทบทวนเป็นสิ่งที่ควรทำ โดยอาจเปิดช่องให้ประชาชนได้ทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ และต้องเป็นประชามติที่แตกต่างจากการทำประชามติที่แล้วๆมา คือต้องเปิดโอกาสให้มีการแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง ตรงนี้จะเป็นทางออกที่ดี รัฐบาลอาจจะเก็บเอาสิ่งเหล่านี้ไปคิด และไปเตรียมทำก็ได้
เมื่อถามถึงการวางกรอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เรายังไม่ได้พูดคุยเรื่องกัน เพราะอยู่ระหว่างที่แต่ละพรรคกำลังไปศึกษาเนื่องจากเป็นวาระสำคัญ ก็ขอเวลาอีกสักนิดหนึ่ง ทั้งนี้ งบประมาณคงเป็นเรื่องหลัก เพราะประเทศจะต้องเดินหน้า รอไม่ได้ ขณะนี้รัฐบาลทำให้เรื่องนี้ช้ามานานแล้ว คงต้องเริ่มเรื่องนี้ก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที
ขณะที่พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เราเชื่อว่าการแก้ปัญหาประเทศในภาพรวมคือการเอาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย โดยการทำให้ประชาชนในประเทศมีสิทธิ เสรีภาพเท่าเทียมกัน ตนไม่อยากให้มองว่าการแก้รัฐธรมนูญฉบับนี้ทำเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่เราจะแก้เพื่อประชาชน ตนอยากเรียกร้องทั้งฝ่ายรัฐบาล ส.ว. และทุกฝ่ายมาทำเพื่อประชาชนให้ประชาชนได้ประโยชน์ เพราะหากบ้านเมืองมีรัฐธรรมนูญที่ดีจะทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี