รอผลประชุมเฟด
ดัชนีวานนี้ปิดบวกเล็กน้อยสวนทางกับที่ตลาดคาดว่าจะปรับตัวขึ้นแรง และตลาดยังคงแกว่งตัวในกรอบแคบๆ
โดยเราคาดว่าเป็นผลจาก Sector rotation ที่ย้ายจากกลุ่ม BANK มายังกลุ่ม ENERG ประกอบกับนักลงทุนส่วนใหญ่ยังชะลอการลงทุน และจับตาผลการประชุมของ FED ที่จะเกิดขึ้นในวันพุธ อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติมีสถานะซื้อกว่า 1 พันลบ. ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,662.93 จุด (+0.97 จุด) Volume 6.1 หมื่นลบ. TFEX Net +6,955 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ -1,403 ลบ.
ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ
+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 8.05 ดอลลาร์ +14.7% ปิด 62.90 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากมีรายงานว่าเหตุการณ์โจมตีโรงงานน้ำมันสองแห่งในซาอุดีอาระเบียส่งผลให้การผลิตน้ำมันในประเทศลดลงราวครึ่งหนึ่ง และตลาดกังวลว่าเหตุการณ์โจมตีครั้งนี้อาจจะนำไปสู่การตอบโต้กันในตะวันออกกลาง
+โกลด์แมน แซคส์เตือนเหตุโจมตีโรงงานน้ำมันซาอุฯหนุนน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งแตะ 75 ดอลลาร์จากล่าสุด 69.02 ดอลลาร์
+ดอยซ์แบงก์หั่นคาดการณ์ no-deal-Brexit เหลือ 35% จากเดิม 50%
+ Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 2.3 พันลบ. ค่าเงินบาท 30.505 บาท/US
-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 142.70 จุด -0.52% จากการพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงของราคาน้ำมันดิบ ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และอาจส่งผลให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
-สหรัฐเรียกร้องนานาชาติรวมตัวตอบโต้อิหร่าน
-เฟดสาขานิวยอร์กเผยดัชนีภาคการผลิตในเดือนก.ย. ร่วงลงจากเดือนก่อนหน้าและต่ำกว่าคาดการณ์
*จับตาการประชุมครม. สหรัฐเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย. และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยนักลงทุนมีความกังวลว่าการปรับตัวขึ้นแรงของราคาน้ำมันดิบอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับนักลงทุนยังรอดูผลการประชุมเฟดในวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,650-1,670 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
เก็งกำไรหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันดิบขึ้นแรง (PTT PTTEP TOP SPRC ESSO) หุ้น Defensive Stock (EASTW TTW BCH CPALL BJC) หุ้น Domestic Play (ADVANC AMATA EKH SISB HMPRO) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ชิมช้อปใช้ (SPA ASAP ERW TNP) หุ้นที่ติดDJSI 7 กลุ่มอุตสาหกรรม (BANPU CPALL PTTEP PTTGC TOP TRUE TU)
หุ้นรายงานพิเศษ
INSET : IPO roadshow
- บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 3 ประเภท 1) ธุรกิจก่อสร้าง data center และระบบ ICT (สัดส่วนรายได้ 88%) 2) ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโครงข่ายโทรคมนาคม (สัดส่วนรายได้ 10%) 3) ธุรกิจซ่อมบำรุง (สัดส่วนรายได้ 2%)
- ทิศทางอุตสาหกรรมยังขยายตัวต่อเนื่อง ตามแนวโน้มการลงทุนของ Operators เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยี 5G ประกอบกับความต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของโครงข่ายและ data center เพื่อรองรับ big data ในอนาคต
- คาดผลประกอบการ 2H19 ยังเติบโตจาก 1) ณ สิ้น 2Q19 มียอด backlog ที่ระดับ 2.7 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ 2-3 ปี 2)มีโครงการในอนาคตที่มีศักยภาพ เช่น โครงการ USO Phase 2 (Zone C) งานซ่อมบำรุง USO Phase 1&2 งานโครงการสายสื่อสารลงดินของกทม. และงานโครงการ Google Station เพื่อให้คนเข้าถึงบริการ Internet โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนติดตั้งเครือข่าย โดยจะได้รายได้ค่าเช่าระบบเป็นระยะเวลา 5 ปี
- ราคา IPO ยังไม่กำหนด จำนวนหุ้นเสนอขาย 146 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 50 บาท หรือคิดเป็น 26.07%ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วภายหลัง IPO คาดเข้าซื้อขายช่วงเดือน ต.ค.
หุ้นมีข่าว
(-) JTS (Bloomberg Consensus - บาท)สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่ง 2 ราย คือนายพิชญ์ โพธารามิก และ นายเกริกไกร ไตรบัญญัติกุล กรณีใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้น บมจ.จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ (JTS) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งและส่งคืนผลประโยชน์รวม 59.10 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) KSL (Bloomberg Consensus - บาท) โชว์งบไตรมาส 3/62 (พ.ค.-ก.ค.62) ฟาดกำไรสุทธิ 217 ล้านบาท พุ่งกระฉูด 328% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 95 ล้านบาท หลังบุ๊กรายได้จากกองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย 234 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) CWT (Bloomberg Consensus - บาท) ลั่นปี 62 กำไรนิวไฮ ตามการรับรู้รายได้ธุรกิจโรงไฟฟ้า 13 MW เต็มปี หนุนรายได้รวม 2.4 พันล้านบาท แย้มปลายปีสรุปแผนลงทุนโรงไฟฟ้าขยะ 2 โครงการ รวม 16 MW พร้อมตั้งเป้าปี 64 รายได้พุ่ง 5 พันล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) UAC (Bloomberg Consensus - บาท) สยายปีกลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกในเวียดนามต้นปีหน้า พร้อมศึกษาโอกาสลงทุนโรงไฟฟ้าภาคใต้กว่า 10 โครงการ กำลังการผลิตรวม 30-50 เมกะวัตต์ หนุนรายได้ปี 65 เข้าเป้า 5 พันล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) COL (Bloomberg Consensus 24.62 บาท) แย้มครึ่งปีหลังโต รับขยายสาขาใหม่-ปรับปรุงสาขาเดิมของ B2S และ Office Mate ดันยอดขายต่อตารางเมตรเพิ่มขึ้น แม้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว ส่วนปลายปีลุยอีคอมเมิร์ซ มาร์เก็ต เพลสเต็มสูบ ย้ำรายได้ปีนี้โต 6-7% (ที่มา ข่าวหุ้น)
(+) PTG (Bloomberg Consensus 23.58 บาท) ยิ้มรับรัฐกระตุ้นนำน้ำมันปาล์มดิบไปใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตน้ำมันดีเซล B20 เอื้อความต้องการใช้งานพุ่ง ชูโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์ สามารถผลิต B20 ได้ดีกว่าท้องตลาดถึง 4 เท่า พร้อมประเมินยอดขายน้ำมันปี 2562 โตดีกว่าปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)
(+) ALL (Bloomberg Consensus - บาท) สบช่องเจาะตลาดต่างแดน ดึงผู้บริหาร 4 สัญชาติ จีน สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น เสริมทัพภายใต้บริษัท ไทย ดี เรียลเอสเตท จำกัด ผุดสำนักงานขายในเซี่ยงไฮ้-ไทเป ตั้งเป้ากวาดยอดขาย 2.5 หมื่นล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า (ที่มา ทันหุ้น)
(+) WHAUP (Bloomberg Consensus 7.99 บาท) จับมือ อควาวัน เวียดนาม ลุยโปรเจ็กต์ให้บริการน้ำประปาในประเทศเวียดนาม มูลค่าลงทุนรวม 2,762.96 ล้านบาท คาดแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการในไตรมาส 4/2562 นี้ คาดช่วยเพิ่มการผลิตน้ำประปาจาก 55 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี เป็น 110 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี (ที่มา ทันหุ้น)
(+) INGRS (Bloomberg Consensus 0.59 บาท) เผยบริษัทย่อยคว้างานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แดนกิมจิ พร้อมได้รับการแต่งตั้งจาก Perodua นั่งแท่นผู้ผลิตและจัดส่งชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตจากเหล็กทนแรงดึงสูง (ที่มา ทันหุ้น)