“ดีเอสไอ” แจง คดี “บิลลี่” คืบ 70%
รอผลตรวจนิติวิทยาศาสตร์กระดูกชิ้นอื่น ขยายผลคราบเลือดในรถ
พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมกับคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษและที่ปรึกษาคดีพิเศษ ที่มีอธิบดีเอสไอ พันตำรวจเอก ไพสิฐ วงศ์เมือง เป็นประธาน เพื่อติดตามผลการดำเนินการในคดีหายตัวไปของ “บิลลี่” ที่ได้มอบหมายให้ไปรวบรวมหลักฐานในประเด็นต่าง ๆ ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา
ซึ่งพ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่ามีความคืบหน้าในการดำเนินการราว 70% รวมถึงส่วนสำคัญที่มีนัยยะต่อรูปคดี แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้เพราะยังเป็นเรื่องของการสอบสวนอยู่
โดยในเวลานี้ ทางคณะฯ กำลังรอผลการตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์กระดูกที่พบเพิ่ม ซึ่งมีรายงานจากที่ประชุมว่า ใกล้จะเสร็จสิ้นแล้ว และทางคณะฯ กำลังปรึกษากับทางทีมนิติวิทยาศาสตร์ในการขยายผลคราบเลือดที่พบในรถคันหนึ่งที่ต้องสงสัย แต่ยังไม่ยืนยันว่าเป็นคันเดียวกับที่มีรายงานว่า “บิลลี่” ได้นั่งมาหรือไม่
“บิลลี่” พอละจี รักจงเจริญ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยแม่เพรียง และผู้นำขุมชนชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จังหวัดเพชรบุรี ได้หายตัวไปหลังจากที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานควบคุมตัวในความผิดเกี่ยวกับการนำน้ำผึ้งป่าออกจากเขตอุทยานแห่งชาติโดยผิดกฎหมาย ในวันที่ 17 เมษายน 2557 ก่อนที่ดีเอสไอจะแถลงข่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า เขาได้เสียชีวิตแล้ว จากการตรวจสารพันธุกรรมเทียบเคียงกับของมารดาจากชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกศีรษะที่พบในเขื่อนแก่งกระจาน ในเขตอุทยานฯ
พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า ที่ประชุมยังไม่ได้มีมติออกหมายเรียกผู้ต้องสงสัย เพราะยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และกล่าวเพิ่มเติมว่า ยังไม่มีการเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในการควบคุมตัวในวันนั้นมาสอบปากคำ และขอพิจารณาอีกที
นอกจากนี้ ทาง พ.ต.ท.กรวัชร์ ยังปฏิเสธข่าวเรื่องเบาะแสการชำแหละรถจักรยานยนต์ของบิลลี่ โดยกล่าวว่า ข่าวดังกล่าวไม่ได้มาจากดีเอสไอ เพราะตนยังไม่ได้รับข้อมูลจากพนักงานสอบสวน และอยู่ในระหว่างการสืบหาอยู่ พร้อมกล้องของบิลลี่ที่ติดตัวมาแต่หายไปด้วย
ทั้งนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ กล่าวว่า การสืบสวนของดีเอสไอน่าจะยังอยู่ในกรอบ 3 เดือนที่กำหนด โดยทางทีมสืบสวนได้ทำงานอย่างเต็มที่ และขอเวลาในการทำงานอีกระยะ
ดีเอสไอจะมีการประชุมความคืบหน้าของคดีอีกครั้งในวันที่ 26 กันยายน
ทั้งนี้ มีรายงานจากที่ประชุมว่า ทางที่ประชุม ได้ให้คณะพนักงานสอบสวนฯ เร่งรัดประสานงานสำนักงาน ป.ป.ช. เพื่อขอรับสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ท. กรณีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีมีการจับกุมตัวนายพอละจี ฯ แล้วไม่ดำเนินคดี โดยอ้างว่าปล่อยตัวไป ที่ส่งมอบให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มาเพื่อรวมเรื่องดำเนินการโดยเร็ว
นอกจากนี้ ทาง คณะพนักงานสอบสวนฯ มีการสอบสวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นพยานพฤติเหตุแวดล้อมจำนวนหนึ่ง และหารือถึงรูปคดีและพยานหลักฐานที่ต้องรวบรวมเพิ่มเติม
และเมื่อได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนแล้ว จึงจะพิจารณาว่ามีพยานหลักฐานพอกล่าวหาบุคคลใด ในฐานความผิดใดบ้าง และจะได้ดำเนินการออกหมายเรียกผู้ต้องหามารับทราบข้อกล่าวหาหรือร้องขอต่อศาลเพื่อออกหมายจับทันที