'หญิงหน่อย' จี้รัฐบาลเร่งเจรจาหาเหตุ สหรัฐฯตัดจีเอสพี
"หญิงหน่อย" แนะ รบ.เร่งแก้ปัญหาคุยสหรัฐฯ ฐานะคู่ค้าบนความเท่าเทียม ชี้กระทบ ศก.ส่วนใหญ่ ห่วงคนตกงาน ไม่วิพากษ์เกี่ยวแบนสารพิษ
เมื่อวันที่ 27 ต.ค.62 ที่โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณีที่สินค้าไทย 517 รายการ ถูกประเทศสหรัฐอเมริกาออกประกาศระงับการให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร เป็นการทั่วไปหรือ GSP ว่า การตัด GSP ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ ที่กระทบต่อภาวะเศรษฐกิจอย่างมาก เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าขณะนี้การส่งออกมีปัญหาอยู่แล้วจากค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาก ประกอบกับสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ แต่ในสงครามการค้าไทยเรายังมีโอกาส จากที่สหรัฐฯไม่ซื้อสินค้าหลายอย่างจากจีนเราก็อาจเข้าเป็นตัวแทนได้ แต่เมื่อถูกตัด GSP และตัวสินค้าส่วนใหญ่เป็นธุรกิจกลุ่ม SME ส่วนใหญ่ ยกเว้นธุรกิจรายใหญ่อย่างชิ้นส่วนยานยนต์
ดังนั้นจึงกระทบคนส่วนใหญ่ และยังกระทบไปสู่การเลิกจ้างแรงงาน จึงถือเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งเจรจาและหาสาเหตุ ในการถูกตัด GSP และแก้ให้ถูกจุดว่าจะสามารถเจรจากับสหรัฐได้อย่างไรในฐานะคู่ค้า ประเทศไทยจะต้องไม่เป็นลูกไล่ของประเทศใด ขณะที่โลกยุคใหม่เป็นโลกแห่งการค้าเสรี ทุกคนมีสิทธิที่จะค้าขายกัน ดังนั้นเราต้องเจรจาในฐานะผู้ค้าที่เป็นคู่ค้ากันในบทบาทที่ทัดเทียมกัน เราต้องหาสาเหตุให้ได้ว่าเขาใช้เหตุผลที่เป็นธรรมอะไรมาตัด GSP และเราจะยกเรื่องอะไรมาต่อสู้ เพื่อยกอำนาจการต่อรอง โดยที่สหรัฐฯเองก็ต้องพึ่งพาเราหลายเรื่อง ขณะเดียวกันเราต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันหลายเรื่องเช่นเดียวกัน
ดังนั้นการตัด GSP โดยที่เหตุผลไม่พอ เป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยต้องปกป้องผลประโยชน์ของคนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตัด GSP ครั้งนี้ มีมูลค่าถึง 40,000 ล้านบาท จะต้องกระทบเศรษฐกิจอย่างแน่นอน ขณะนี้ 4 เครื่องยนต์แรกของเรา คือการส่งออก ก็สลบอยู่แล้ว ค่าเงินบาทที่แข็งก็ยังแก้ปัญหาไม่ได้ การท่องเที่ยวก็ชะลอตัวลงมาก ขณะที่การลงทุนใหม่ไม่มีเลย เพราะเขาไม่เชื่อมั่นในประเทศไทย ส่วนเรื่องกำลังซื้อ รัฐบาลก็แก้ไม่ถูกจุด ใช้วิธีการหว่านเงิน แต่เป็นการหว่านเงินที่ไม่สามารถส้รางเศรษฐกิจ รายได้ใหม่กับประชาชน ในกลุ่มใหญ่ได้ขณะที่โรงงานกำลังปิดตัวลงเพราะกำลังซื้อไม่พอ เพราะการส่งออกน้อยลง แล้วยังต้องมาได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้อีก อาจทำให้คนตกงานเยอะ ปีหน้าคาดว่าคนจะตกงานถึง 500,000 คน ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งแก้ไขปัญหา และต้องเจรจราต่อรองอย่างเอาจริงเอาจัง โดยไม่ต้องรอเวทีประชุมอาเซียน
"เมื่อเขาตัด GSP เราโดยไม่แจ้งล่วงหน้า เราสามารถที่จะเจรจาได้ทันที ไม่ต้องรอเวทีที่จะมีการประชุมร่วม และถือเป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องเจรจาว่า เหตุใด มาตัด GSP และการเจรจรา ต้องอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของคนไทย และบนศักดิ์ศรีที่ทัดเทียมกัน" คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวและว่า ขณะที่ในส่วนของสหรัฐฯ ก็ขอให้พิจารณาบนพื้นฐานข้อมูลที่เป็นธรรมกับประเทศไทย และเปิดทางการพูดคุย
เมื่อถามว่า สาเหตุของการตัด GSP มาจากการแบน 3 สารพิษของรัฐบาลหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เป็นเพียงแค่การคาดเดา และอยากให้แยกเหตุผลในการพิจารณา โดยเรื่องการแบนสารพิษนั้นก็เป็นสิ่งที่เราต้องทำ ซึ่งตนก็เป็นหนึ่งในคนที่ยกมือสนับสนุนให้มีการแบน แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ทำอยู่ตอนนี้เพราะยังขาดการให้ความรู้ความเข้าใจ รวมทั้งมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ต่อวิธีการกำจัดศัตรูพืชทางเลือกอื่นที่ไม่เป็นอันตราย เพราะไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมีสารตัวใหม่ขึ้นมาหรือเพียงค่การเปลี่ยนชื่อใหม่แล้วกลายเป็นทำให้สารพิษต่างๆ ลงสู่ใต้ดิน ซึ่งไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน
โดยเรื่องของมาตรการแบนสารพิษนั้นตนเห็นว่าควรต้องออกมาตรการควบคุมอื่นคู่กันไปด้วยในการช่วยเหลือเกษตรกร เช่น การให้กู้โดยปลอดภาษี 5 ปี หรือการให้ความรู้ต่อการให้ทางเลือกในการใช้สารอินทรีย์ ที่ผ่านมารัฐไม่ได่สนับสนุน หรือวิจัยพัฒนาในเรื่องนี้เลย เราต้องทำให้เกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจการผลิตอาหารที่ไม่เป็นอันตราย แต่ต้องปลอดภับต่อผุ้บริโภค และต้องระวังไม่ให้ใช้สารพิษลงดิน สนับสนุนให้มีการใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นผนวกกับเทคโนโลยี ตัวอย่างเหมือนที่ในอดีตเราใช้ สารเคมี DDT ฉีดฆ่ายุง หากสั่งแบนไม่มีใช้ก็อาจทำให้ไข้เลือดออกระบาดได้แต่เรายังสามารถสร้างทางเลือกได้ คือการใช้ตะไคร้หอม แทนสารเคมี
ทั้งนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ ยังกล่าวแสดงความเห็นกรณีที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลออกมาพูดถึงความสำเร็จของการแก้ปัญหาแรงงานและได้รับการยอมรับจากสหรัฐ แต่สวนทางกับเหตุผลที่ใช้ตัดสิทธิไทยในครั้งนี้นั้นด้วยว่า เป็นเรื่องหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องทำให้เกิดความชัดเจน เพราะการแก้ปัญหาประมงของรัฐบาล คือการทำลายระบบภาคประมงทั้งหมด ทำให้คนเป็นแสนเป็นล้านต้องตายสนิท เพื่อแลกกับเรื่องของแรงงาน ท้ายที่สุดเมื่อรัฐบาลบอกว่าสำเร็จ แต่เป็นสาเหตุของการถูกตัดสิทธิ GSP ก็ต้องมาดูว่าเป็นข้อบกพร่องในส่วนใด ที่รัฐบาลต้องแก้ไข