'การบินไทย' มั่นใจ 'โคโรน่า' กระทบธุรกิจการบินน้อยกว่า 'ซาร์ส'

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจในช่วงต้นปีนี้ ต้องยอมรับว่าได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของไวรัสโคโรนา เข้ามาเป็นผลกระทบระดับหนึ่ง แต่ถือว่าไม่มาก หากเทียบกับสายการบินอื่น เนื่องจากการบินไทยมีเส้นทางบินไปยังจีนเล็กน้อย และส่วนมากเป็นเส้นทางบินในยุโรป สำหรับเคบิ้นแฟกเตอร์ของการบินไทยในเดือน ม.ค.นี้ เฉลี่ยอยู่ที่ 80%

ทั้งนี้ ประเมินว่าโคโรน่า จะเป็นผลกระทบ 3 เดือนนี้ ซึ่งถือว่าไม่มาก หากเทียบกับการเกิดโรคระบาดที่เคยเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เช่น ซาร์ ที่เป็นผลกระทบกับธุรกิจตลอดทั้งปี เนื่องจากปัจจุบันก็จะเห็นได้ว่า ต้นทางอย่างจีนมีมาตรการเข้มข้น ซึ่งหากสถานการณ์คลี่คลายลงได้ภายใน 1 เดือนนับจากนี้ การบินไทยก็ยังมีโอกาสที่จะทำรายได้ในช่วง 2 เดือนของไฮซีซั่นที่เหลือ คือในเดือน ก.พ. – มี.ค.นี้ และทำให้ปีนี้การบินไทยจะสามารถทำกำไรได้

อย่างไรก็ดี การบินไทยมีกำหนดวันนี้ 28 ม.ค.2563 จะตรวจสอบขั้นตอนการรักษาความสะอาดของเครื่องบิน ซึ่งจะมีการฉีดพ่นทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบนเครื่องบิน บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้โดยสาร ซึ่งนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะผู้กำกับดูแลการบินไทย ร่วมเดินทางด้วย

อ่านข่าว
‘สี จิ้นผิง’ สั่งเด็ดขาดรับมือไวรัสโคโรน่า ล่าสุดพบผู้ป่วยเด็กที่สุดเพียง 2 ขวบ

ส.อ.ท.ห่วงคนไทยชะลอเที่ยว

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การแพร่ระบาดดังกล่าวอาจกระทบเศรษฐกิจไทยรุนแรง เพราะจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหญ่ชะลอตัว ซึ่งไม่เพียงแต่นักท่องเที่ยวจากจีนที่หายไป แต่ยังทำให้คนไทยออกมาท่องเที่ยวน้อยลงด้วย ทำให้คนหวาดระแวงไม่ออกไปจับจ่ายใช้สอยและจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง รวมทั้งการป้องกันที่ถูกวิธี เพื่อให้คนไทยคลายกังวล ซึ่งที่ผ่านมามองมาตรการของรัฐบาลทำได้ดี และมาตรการที่กำลังจะออกมาก็จะช่วยได้มาก แต่ควรเร่งออกมาภายในเดือน ก.พ.นี้ เพื่อป้องกันผลกระทบให้ได้ผล

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การระบาดดังกล่าวกระทบการเดินทางไปส่งเสริมการขายที่จีน ซึ่งมีกำหนดไปเมืองหนานหนิง มณฑลกว่างสี ในวันที่ 22-23 เม.ย.นี้ ซึ่งมอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ 7 สำนักงานในจีนติดตามสถานการณ์และหารือกับผู้แทนของกระทรวงการต่างประเทศที่ประจำอยู่ในจีน เพื่อประเมินสถานการณ์ จากนั้นจะประชุมกับผู้บริหารและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป