“ททท.” จำใจหั่นเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้ ระบุไม่ให้แย่กว่ายอดรวม39.8ล้านคนของปี62งัดแผนฟื้นความเชื่อมั่นดึงทัวริสต์เดินทางเข้าไทยครึ่งปีหลัง
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวหนักมากที่สุดในตอนนี้ คือการระบาดของโรคปอดอักเสบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทำให้ ททท.ต้องหารือกันอีกครั้ง และอาจจะต้องปรับเป้าหมายท่องเที่ยวไทยปี2563 ลง แต่จะไม่ให้แย่กว่าปี2562ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทย39.8ล้านคน โดยมีชาวจีนเดินทางมามากเป็นอันดับ1ที่11ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนประมาณ30%ส่วนรายได้ยอมรับว่ายังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะหายไปเท่าไร
“เป้าทำงานของ ททท.ที่เคยวางไว้ว่าในปี2563จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย40.8ล้านคน สร้างรายได้2.02ล้านล้านบาท จำเป็นต้องทบทวนใหม่ทั้งหมด ส่วนจะเป็นเท่าไรยังประเมินค่อนข้างยาก โดยมองว่าสิ่งสำคัญคือการเร่งสร้างความเชื่อมั่นช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ให้นักท่องเที่ยวมั่นใจกลับมาเดินทางอีกครั้ง”
เขายังระบุว่า ททท.จะร่วมมือกับภาคเอกชน ทำแผนปฏิบัติการเพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยหลังได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนาระบาด เพราะเมื่อเทียบกับสถานการณ์โรคซาร์สที่ระบาดหนักเมื่อปี2546มีการควบคุมการระบาดและสามารถหายารักษาได้ ใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ดังนั้นไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นไวรัสที่ติดต่อได้ง่ายกว่า แต่รุนแรงน้อยกว่า ก็อาจจะใช้เวลาประมาณ 5-6 เดือนเช่นกันกว่าสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ ททท.ประเมินเบื้องต้นว่า ในช่วง3เดือนนับตั้งแต่รัฐบาลจีนประกาศสั่งห้ามบริษัททัวร์พานักท่องเที่ยวจีนออกนอกประเทศเมื่อวันที่24ม.ค.ที่ผ่านมา คาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะหายไป2ล้านคน สูญรายได้ท่องเที่ยวประมาณ1แสนล้านบาท
จากเดิม ททท.และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เคยคาดการณ์ว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทย11.5-12ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก11ล้านคนของปีที่แล้ว สร้างรายได้ประมาณ5.8-6แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก5.5แสนล้านบาท ส่งผลให้ ททท.ต้องประชุมด่วนร่วมกับสมาคมและตัวแทนภาคเอกชนท่องเที่ยวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อระดมมาตรการลดผลกระทบจากไวรัสโคโรนาและกระตุ้นตลาดช่วงครึ่งปีหลัง นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) เมื่อวันที่31ม.ค.ที่ผ่านมา โดยทาง ครม.เศรษฐกิจได้ออกแผนพยุงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเพื่อเตรียมเสนอในที่ประชุม ครม.วันพรุ่งนี้ (4ก.พ.) ส่วนใหญ่เป็นมาตรการทางการคลัง ลดภาษีต่างๆ ช่วยผู้ประกอบการท่องเที่ยว และจัดหากองทุนเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำให้ผู้ประกอบการ