ล็อกดาวน์ภูเก็ต 24-31 มี.ค.63
บอร์ดโรคติดต่อ จ.ภูเก็ต มีมติปิดห้างสรรพสินค้ายกเว้นซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา ส่วนร้านอาหารต้องซื้อไปรับประทานที่บ้าน ตั้งแต่ 24-31 มี.ค.นี้
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 63 ที่ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ครั้งที่ 7/2563 เพื่อติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคปอดอักเสบไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 การพิจารณาปิดสถานที่เสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคเพิ่มเติม รวมถึงแนวทางในการรับมือการแพร่ระบาดฯ โดยมีคณะกรรมการและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ทั้งนี้ ที่ประชุมรับทราบการใช้หอประชุมศูนย์ราชการฯ หรือศาลากลางจังหวัดภูเก็ตแห่งใหม่ เพื่อเป็นโรงพยาบาลสนามรองรับหากมีผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น และรับทราบสถานที่ที่เอกชนเสนอรองรับผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค หรือ PUI
นอกจากนี้ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณา ร่างประกาศจังหวัดภูเก็ต เรื่อง ปิดสถานที่ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือ โควิด-19 เพิ่มเติม ทั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรฐานในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือ โควิด–19 ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเป้าหมายสำคัญ คือ ป้องกันการรวมตัวของกลุ่มคนเป็นจำนวนมาก
สำหรับสถานที่เสี่ยงฯ ซึ่งมีการประกาศเพิ่มเติม อาทิ ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่หรือร้านที่มีร้านค้าย่อยในอาคารหรือบริเวณเดียวกัน ยกเว้นพื้นที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายยา ร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ดที่จำเป็นต่อการดำรงชีพอื่นๆ และร้านอาหารที่เปิดบริการจำหน่ายอาหารแต่ต้องสั่งแล้วนำกลับไปบริโภคที่อื่น ร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม และหรือสถานที่ที่จำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ตามกฎหมายสาธารณสุข สถานที่หรือสำนักบริการสักผิวหนังหรือเจาะส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย พยากรณ์ดูดวง ศูนย์พระเครื่องพระบูชาแผงพระเครื่อง พระบูชาหรือสนามพระเครื่องบูชา สถานที่ที่จัดให้มีโต๊ะสนุกเกอร์บิลเลียด สนามกอล์ฟและสนามฝึกซ้อมกอล์ฟ สถานที่บริการสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น อาบน้ำตัดขนรับเลี้ยงหรือรับฝากสปาดูแลสุขภาพสัตว์ หรือกิจกรรมอื่นๆในลักษณะเดียวกัน คลินิกสถาบัน ร้านหรือสถานที่เสริมความงาม เสริมสวย ลดความอ้วน ร้านตัดและตกแต่งทรงผม สถานที่ให้บริการบ่อตกกุ้งหรือบ่อตกปลา สระว่ายน้ำที่เปิดให้บริการประชาชนเป็นการทั่วไปทั้งในส่วนของราชการและผู้ประกอบการเอกชนและสระน้ำในโรงแรมทั้งประเภทที่ให้บริการรวมและสระน้ำประเภทให้บริการแยกในแต่ละห้องพักเป็นต้น
ทั้งนี้ประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่24 –31 มี.ค. 63 ทั้งนี้ หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศฉบับนี้จะมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ. ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ