ขีดเส้น 6 โมงเย็น!! 152 คนไทย หนีกักตัว พบจนท.

ขีดเส้น 6 โมงเย็น!!  152 คนไทย หนีกักตัว พบจนท.

ศบค.ขอ 152 คนไทย หนีกักตัว พบจนท. ขีดเส้น 6 โมงเย็นนี้ ไม่งั้นโทษหนัก ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนครอบครัวขอให้กักตัวเองที่บ้าน เพราะถืออยู่ในกับกลุ่มเสี่ยง ด้าน "นายกรัฐมนตรี" มอบตำรวจติดตามตัวกลับสถานกักกันโรค

นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เปิดเผยว่าพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯ ขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการเคอร์ฟิววันแรกเมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมกับยังแสดงความห่วงใยกรณีที่คนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศเข้าสนามบินสุวรรณภูมินั้นมีเหตุขัดข้องทำให้เกิดปัญหาและความไม่เข้าใจกัน โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการว่าไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก โดยมอบหมายให้พลเอกสมศักดิ์รุ่งสิตาเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือสมชเรียกประชุมด่วนในเวลา 9.00 น.ของเมื่อเช้าที่ผ่านมา โดยมีปลัดกระทรวงต่างๆเข้าร่วมการประชุม

158597925771

ซึ่งจากการประชุม พบว่าผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 158 คน ซึ่ง 6 คนยินยอมเข้ารับการกักกันตัวเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา และไม่ยอมรายงานตัวอีก 152 คน อ้างเหตุไม่ได้รับการแจ้งมาก่อนจึงมีการร้องขอและกลับไปยังบ้านพักอาศัย ขณะนี้ทราบที่อยู่อาศัยแน่นอนแล้วทั้งหมด โดยทั้ง 152 คนจะต้องมารายงานตัวภายในเวลา 18.00 นของวันนี้ โดยผู้ที่อยู่อาศัยภายในกรุงเทพฯสามารถรายงานตัวได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินสุวรรณภูมิหรือ EOC โดยสามารถติดต่อที่หมายเลข 021329950 ส่วนผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาต่างจังหวัดแล้วให้รายงานตัวที่ศูนย์ดำรงธรรมประจำจังหวัดนั้นๆ โดยหากไม่ให้ความร่วมมือจะถือว่ามีโทษตามกฎหมายฝ่าฝืนพระราชกำหนดฉุกเฉิน ส่วนญาติหรือครอบครัวที่ใกล้ชิดหรือสัมผัสกับผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศขอให้กักกันตัวอยู่ที่บ้านอย่างเคร่งครัด พร้อมกับยืนยันว่า ผู้ที่เดินทางกลับมาทั้ง 158 คนรัฐบาลจะดูแลเป็นอย่างดีโดยใช้สถานที่กักกันเป็นโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พร้อมกับขอความร่วมมือ ให้เข้าร่วมการกักกันในครั้งนี้เนื่องจากไม่อยากให้มีความสูญเสียเพิ่มมากขึ้น

ด้านกระแสข่าวในสังคมออนไลน์ที่เผยแพร่ว่านายกรัฐมนตรีนั้นระดมตำรวจและทหารเข้ามาเพื่อติดตามตัวทั้ง 152 คนที่ไม่กักกันตัวยังสถานที่ที่รัฐบาลจัดให้นั้น นายแพทย์ทวีศิลป์ได้อธิบายว่าเรื่องดังกล่าวนายกรัฐมนตรีได้เรียกระดมทั้งตำรวจและทหารจริงเพื่อมาประชุมหารือในวงประชุมเมื่อเช้าที่ผ่านมา โดยมีพลเอกสมศักดิ์เป็นประธานพร้อมกับสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องติดตามทุกคนที่เดินทางกลับบ้านได้ แต่ขอยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการอยากที่จะลงโทษแต่เป็นห่วงในด้านของสุขภาพ พร้อมกับยังระบุอีกว่าการเข้ามากักกันโรคนั้นไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเพียงอย่างเดียวแต่เป็นการทำเพื่อประเทศชาติด้วย

ส่วนที่มีบางส่วนติดค้างอย่างสนามบินในพื้นที่ต่างประเทศเนื่องจาก สำนักงานการบินพลเรือนได้ประกาศหยุดการบินตั้งแต่วันที่ 4 เมษายนถึง 6 เมษายน ให้ผู้ที่ตกค้างดังกล่าวติดต่อไปยังสถานทูตณประเทศนั้นๆเพื่อขอรับความช่วยเหลือโดยสามารถค้นหาข้อมูลต่างๆได้ผ่านเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศโดยให้เหตุผลถึงการห้ามทำการบินว่าเป็นการเตรียมความพร้อมรับมือเนื่องจากที่ผ่านมาสาธารณสุขยืนยันว่าแหล่งเชื้อโรคส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ต่างประเทศ

ด้านพลตำรวจโทดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการประกาศเคอร์ฟิวเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า มียานพาหนะผ่านด่านทั้งสิ้น 7598 คัน ส่วนใหญ่เป็น ธุรกิจเกี่ยวกับการขนส่งสินค้าและการเข้าออกเวรของบุคลากรทางการแพทย์รวมไปถึงโรงงานอุตสาหกรรม โดยพบผู้กระทำความผิด ทั้งสิ้น 177 คน โดยมีการว่ากล่าวตักเตือนไป 94 คน และดำเนินคดีทั้งสิ้น 42 คดี ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสิ้น 21,649 นาย พลเรือน อาสาสมัครและทหารจำนวน 30,000 นาย

นอกจากนี้พลตำรวจโทดำรงศักดิ์ ยังระบุอีกว่าจากกรณีที่ 152 คนไทยจากไฟท์บินสหรัฐอเมริกาไม่ยอมกลับตัว ยังมีอีกหนึ่งไฟลท์บินจากประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ทั้ง 214 คน ซึ่งมีการทำความเข้าใจเป็นที่เรียบร้อยดีจึงนำผู้โดยสารทั้งหมดไปยังสถานกักกันอ่าวดงตาล ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดประจำวันเสาร์ที่ 4 เมษายน 2563 โดยสรุปยอดจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,067 คน เพิ่มขึ้น 89 คน เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวม 20 ราย โดยผู้เสียชีวิตเป็นผู้ป่วยอายุ 72 ปีมี โรคประจำตัวความดันโลหิตสูงเบาหวานและไขมันในเลือดสูง เมื่อวันที่ 2 เมษายน พบอาการยังคงไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตในวันที่ 3 เมษายน

โดยผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 89 คน //แบ่งเป็นกลุ่มแรก ผู้ป่วยมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 33 คน/ประกอบด้วยสนามมวย 2 คน /สถานบันเทิง 2 คน /สัมผัสผู้ป่วยยืนยัน 29 คน //กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 48 คน /แบ่งเป็นคนไทยเดินทางกลับจากต่างประเทศ 18 คน/ต่างชาติเดินทางกลับจากต่างประเทศ 3 คน/ผู้สัมผัสผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ 7 คน/ไปสถานที่ชุมชน 5 คน/อาชีพกลุ่มเสี่ยง 2 คน/บุคลากรทางการแพทย์ 13 คน //และกลุ่มสุดท้ายอยู่ระหว่างสอบสวนโรคอีก 8 คน

ส่วนจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ 89 คนนั้นกระจายอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 31 คน นนทบุรี 13 คน ภูเก็ต 8 คน ชลบุรีและปทุมธานีจังหวัดละ 5 คน สมุทรปราการและนราธิวาส จังหวัดละ 4 คน สงขลา 3 คน ยะลาและสุพรรณบุรีจังหวัดละ 2 คน สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร ตรัง ตาก พระนครศรีอยุธยาและลำปาง จังหวัดละ 1 คน และอยู่ระหว่างสอบสวนโรคอีก 5 คน

ส่วนสถิติการเดินทางเข้าไทยจำนวน 158 คนในวันที่ 3 เมษายนแบ่งเป็นเดินทางมาจากประเทศญี่ปุ่นเที่ยวบิน JL0031 /NH 0847 /TG 0641 รวมจำนวน 103 คน // จากประเทศกาตาร์เที่ยวบิน QR 0832 จำนวน 11 คน // จากประเทศสิงคโปร์เที่ยวบิน SQ 0976 จำนวน 44 คน