'ดุสิตธานี' ปิด 7 โรงแรมชั่วคราว พร้อมทบทวนแผนลงทุนรักษาสภาพคล่อง
DTC ประกาศปิด 7 โรงแรมชั่วคราว ตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ของภาครัฐ พร้อมเตรียมแผนลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อรายได้และความสามารถในการทำกำไร จ่อทบทวนแผนการลงทุนในปี 2563 และปรับลดระดับเป้าหมายการ
บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DTC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าจากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งยังคงมีแนวโน้มแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ทำให้รัฐบาลและหน่วยงานราชการต่างๆ ได้ออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและขอความร่วมมือจากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนนั้น บริษัทมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดดังกล่าวจึงขอสนับสนุนโดยให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามนโยบายและคำสั่งของภาครัฐ ดังนั้นบริษัทฯจึงขอหยุดการให้บริการธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยที่กลุ่มบริษัทในเครือดุสิตเป็นเจ้าของเป็นการชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วยโรงแรม 7 แห่ง ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี พัทยา และโรงแรมดุสิตธานี ภูเก็ต ซึ่งหยุดให้การบริการทันทีตามคำสั่งของจังหวัด ส่วนอีก 5 แห่ง ประกอบด้วย โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน,โรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่,โรงแรมดุสิตปริ๊นเซส เชียงใหม่,โรงแรม ดุสิตปริ๊นเซส ศรีนครินทร์ และโรงแรมดุสิต สวีท ราชดำริ กรุงเทพ ให้หยุดการรับจอง ยุติการรับลูกค้าใหม่ทันที และให้พนักงานทุกคนดูแลสุขภาพอนามัยของลูกค้าที่พักอยู่อย่างเคร่งครัด โดยยึดหลักบริการที่ดีเลิศตามมาตรฐานดุสิตธานีจนกว่าลูกค้าคนสุดท้ายจะสิ้นสุดการเข้าพัก โดยมาตรการดังกล่าวเป็นมาตรการระยะสั้นเพื่อประคับประคองธุรกิจในระยะยาว และแม้จะหยุดการให้บริการโรงแรมเป็นการชั่วคราวแต่ทุกโรงแรมยังสามารถให้บริการส่งอาหารหรือ Food Delivery ได้
ส่วนการดำเนินการกับโรงแรมที่บริษทัฯ และกลุ่มบริษัท เป็นเจ้าของในต่างประเทศ* บริษัทจะพิจารณาดำเนินการตามสถานการณ์ กฎหมาย และคำสั่งของหน่วยราชการในประเทศนั้น ในขณะที่โรงแรมที่บริษัทรับจ้างบริหารสิทธิในการตัดสินใจจะเป็นของเจ้าของโรงแรมที่บริษัทรับบริหาร
ทั้งนี้จากการหยดุทำการของโรงแรมในประเทศที่บริษัทฯเป็นเจ้าของเป็นการชั่วคราวย่อมส่งผลกระทบต่อธุรกิจของบริษัทฯ ดังนั้นบริษัทฯจึงได้เตรียมแผนการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อรายได้และความสามารถในการทำกำไร โดยปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ได้มากที่สุดและหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ตลอดจนมีการลดชั่วโมงการทำงานของพนักงานที่สำนักงานส่วนกลาง โดยให้ทำงานจากที่บ้าน เป็นต้น
ในด้านสภาพคล่องทางการเงิน ณ สิ้นปี 2562 บริษัทฯ และกลุ่มบริษัทมีเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นมากกว่า 3 พันล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อซึ่งมิได้เบิกใช้ มากกว่า 1.2 พันล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังดำเนินการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมผ่านสถาบันการเงินในรูปแบบของเงินกู้โครงการที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการไปแล้ว อันเป็นการเพิ่มสภาพคล่องของบริษัทฯ โดยการลดยอดเงินกู้ระยะสั้นเมื่อได้เบิกถอนเงินกู้โครงการดังกล่าว นอกจากนี้บริษัทยังคงดำเนินการตามแผนการปรับปรุงคุณภาพพอร์ตทรัพย์สินที่มีอยู่ (Asset portfolio rationalization) ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินรองรับในสถานการณ์ทั้งในปัจจุบันและระยะยาวได้
ในด้านการลงทุน บริษัทฯอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการลงทุนในปี 2563 และปรับลดระดับเป้าหมายการขยายกิจการเพื่อสำรองเงินไว้ในการดำรงสภาพคล่องของกิจการ โดยตระหนักถึงผลประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯเป็นสำคัญ