ยังไม่ชัด! ผู้ติดโควิด-19จ.ยะลาเพิ่ม40ราย สธ.เร่งตรวจเชื้อซ้ำ

ยังไม่ชัด! ผู้ติดโควิด-19จ.ยะลาเพิ่ม40ราย สธ.เร่งตรวจเชื้อซ้ำ

ศบค.ยืนยันผู้ป่วยโควิด-19เพิ่มใหม่ 3 ราย ส่วนอีก 40 รายที่จ.ยะลา เร่งตรวจเชื้อซ้ำอีกรอบ ใช้ 2 แล็บยืนยันผล หลังพบบางอำเภออัตราพบเชื้อสูงกระโดดกว่า 30 % ระบุทุกคนที่ผลบวกอยู่ในพื้นที่แยกกัก ย้ำไม่มีการปกปิดข้อมูล ขอคนไทยเมื่อผ่อนปรนแล้วทำตามคำแนะนำ

เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) กล่าวว่า มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น 3 ราย โดยรายแรกเป็นชายไทย อายุ 24 ปีเดินทางกลับมาจากประเทศมาเลเซียและเข้าอยู่ในสถานที่ที่รัฐจัดให้ในพื้นที่ (Local Quarantine)จ.นราธิวาส อีก 2 รายเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้าโดยเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นชายไทยอายุ 45 ปี และหญิงไทยอายุ 51 ปี
โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยสะสม 2,969 ราย เสียชีวิต 54 ราย รักษาหายแล้ว 2,739 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 176 ราย


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า กรณีรายงานข่าวจากสื่อมวลชนในพื้นที่และลงในโซเชียมลมีเดียถึงการพบผู้ป่วยยืนยันราว 30-40 รายนั้น ซึ่งผู้บริหารระดับสูงของศบค.ให้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า การรายงานพบผู้ป่วยที่เกิดขึ้นเบื้องต้น เกิดจาการทำการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ใน 8 อำเภอของจ.ยะลา โดยตัวเลขการพบผู้ป่วยยืนยันที่เป็นทางการและรายงานโดยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด(นพ.สสจ.)ยะลา ระบุว่ามีการรายงานประมาณ 311 คน ผลตรวจเบื้องต้นไม่พบเชื้อ 271 คน และผลยืนยัน 40 คน ในจำนวนนี้เมื่อลงรายละเอียดแต่ละอำเภอปรากฎว่ามีข้อสงสัย คือ บางอำเภอมีผลพบเชื้อมากถึง 30.77 % ซึ่งมากเกินอัตราพบเชื้อปกติที่เป็นการค้นหาเชิงรุกจะอยู่ที่ราว 5 % จึงน่าสงสัยในกระบวนการของการตรวจ จึงนำมาวิเคราะห์และหารือร่วมกันทั้งผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ระดับจังหวัด ระดับกรมควบคมุโรค และระดับกระทรวงสาธารณสุข มีข้อสรุปร่วมกันคือให้มีการทวนชุดข้อมูลนี้อีกครั้ง


“ผู้ที่ผลการตรวจเบื้องต้นเป็นบวกทั้งหมดขณะนี้ได้แยกกันในพื้นที่ที่เชื่อมั่นและปลอดภัย โดยเจ้าหน้าที่จะเข้าไปดำเนินการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งส่งตรวจหาเชื้ออักครั้ง ซึ่งเป็นการส่งไปตรวจใน 2 ห้องปฏิบัติการ(แล็บ) หากผลยืนยันเป็นบวกตรงกันทั้ง 2 แล็บจึงจะเป็นผู้ป่วยยืนยันที่ชัดเจน ทั้งนี้ การพบผู้ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อนใหญ่เป็นเรื่องที่ดี แสดงถึงระดับการคัดกรอง ตรวจสอบเชิงรุกที่ดี แต่กลุ่มก้อนใหญ่ถึงขนาดมีตัวเลขขึ้นเป็น 40 รายจะต้องทวนสอบอีกครั้ง แม้ผลจะช้าสักนิด แต่เมื่ออกมาแล้วผลต้องยืนยันจริงๆ ความถูกต้องมาก่อนและเพื่อให้แพทย์ที่เข้าไปดูแลจะได้เข้าไปซักประวัติและสอบสวนโรค หากลุ่มก้อนที่จะขยายผลเพิ่มเติม เพื่อพิจารณาว่าตัวเลขในส่วนนี้เพิ่มเติมขึ้นมาอย่างไร ซึ่งด้านสาธารณสุขจะพยายามอย่างที่สุดให้ได้ชุดข้อมูลที่ถูกต้องและรายงานโดยเร่งด่วน ”นพ.ทวีศิลป์กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ปัจจัยเสี่ยงที่มีจำนวนผู้ป่วยเกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้แก่ 1.สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 75 ราย 2.ศูนย์กักคนเข้าเมือง 42 ราย 3.การค้นหาเชิงรุก 31 ราย 4.ผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 15 ราย 5.ไปสถานที่ชุมชน เช่น ตลาดนัด 11 รายและ6.อาชีพเสี่ยง เช่น ทำงานในสถานที่แออัด 7 ราย ซึ่งจะเห็นได้ว่าในข้อที่ 5 และ 6 ซึ่งรวมกันพบถึง 18 ราย เป็นการแสดงถึงชุดพฤติกรรมที่จะต้องปรับไปสู่พฤติกรรมใหม่ในทันที มิฉะนั้น เมื่อมีการผ่านปรนบางกิจการ กิจกรรมแล้วไปในสถานที่เริ่มผ่อนปรน อาจเป็นเหตุให้มีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นได้ ดังนั้น การที่ประชาชนออกมาใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้นนั้น ถ้าทุกคนใส่ใจเรื่องหน้ากากอนามัย 100 % กินร้อน ช้อนส่วนตัว ทำงานที่บ้านและทำตามที่ศบค.แนะนำและเป็นข้อกำหนดก็จะผ่านเดือนนี้ไปได้อย่างดี