'4 สัญญาณ'เฝ้าระวัง'โควิด-19'ระบาดระลอก2ในไทย
สธ.ชี้โควิด-19ระบาดระลอก 2 รุนแรงกว่าระลอกแรก เหตุประชาชนคลายความตระหนักป้องกันโรค-ฤดูกาลเป็นปัจจัยเสริม จับตาใกล้ชิด 4 สัญญาณบอกเหตุ
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 พฤษภาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค(คร.) แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19ว่า ปัจจุบันสถานการณ์การระบาดของประเทศไทยอยู่ในระดับที่ควบคุมโรคได้และมีจังหวัดมากกว่า 50 %ที่ไม่พบผู้ป่วยมาแล้วมากกว่า 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หลังจากที่มีการผ่อนปรนให้กิจการ 6 ประเภทกลับมาเปิดดำเนินการได้เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2563 ประชาชนเริ่มมีการเดินทางมากขึ้น แม้จะมีการห้ามเดินทางข้ามพื้นที่ไกลด้วยการงดให้บริการรถโดยสารระหว่างจังหวัด แต่ถ้ายังมีคนที่เดินทางด้วยตนเองมีการพบปะมากขึ้น จึงมีความเสี่ยงที่จะพบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า รวมถึง มีการไปใช้บริการในกิจการต่างๆมากขึ้น ดังนั้น ประชาชนเมื่อไปใช้บริการจะต้องตระหนักมีความระมัดระวังตัวเอง เพื่อไม่ให้โควิด-19กลับมาระบาดในประเทศไทย ด้วยการเว้นระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย1-2เมตร และสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยทุกครั้งเมื่อไปในสถานที่ชุมชน ล้างมือบ่อยๆ
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า เมื่อมีการผ่อนปรนกิจการแล้วโอกาสที่เชื้อจะกลับมาแพร่ระบาดใหม่เกิดขึ้นได้ เพราะประชาชนมีการพบปะกันมากขึ้น และในบางจุดมีกิจกรรมที่มีความเสี่ยง เช่น ตั้งวงกินอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งล้วนแต่เป็นการเพิ่มความเสี่ยงในพื้นทีได้ การรับมือกับการแพร่ระบาดจำเป็นจะต้องเฝ้าระวังอย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลายจังหวัดมีการดำเนินการเฝ้าระวัง ค้นหา คัดกรองผู้ติดเชื้อที่ยังมีอาการน้อยอยู่ในชุมชน รวมถึง มาตรการที่มุ่งป้องกันกลุ่มเสี่ยงที่มีการอยู่รวมกันในสถานที่แออัด เช่น เรือนจำ และที่พักของแรงงานต่างชาติ โดยเริ่มมีการตรวจค้นหาเชื้อเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังไม่พบเหตุการระบาดหรือผิดปกติในสถานที่เหล่านแต่จะมีการขยายพื้นที่ตรวจต่อไป
นพ.โสภณ กล่าวอีกว่า จากบทเรียนในอดีตเมื่อเกิดการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ทั่วโลกในปีพ.ศ. 2461 จะเห็นว่าการระบาดมีหลายระลอก โดยในระลอกแรกประเทศส่วนใหญ่จะรับมือได้ดีเพราะมีจำนวนผู้ป่วยไม่มากแต่เพิ่มขึ้นผิดปกติและสามารถควบคุมโรคได้ แต่บางประเทศ บางเมืองที่มีการระบาดระลอกที่ 2 อย่างรุนแรง เพราะประชาชนคลายความตระหนักในเรื่องความสำคัญของการป้องกันโรค ซึ่งจากคำเตือนของผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลก(ฮู)และผู้เชี่ยวชาญของประเทศไทย แนะนำว่าประเทศไทยไม่สามารถประมาทได้ว่าจะมีการกลับมาของโรคโควิด-19ในระลอกที่ 2 หรือไม่
สิ่งที่จะทำได้ดีที่สุดคือการคงมาตรการที่สำคัญและมีประสิทธิภาพ เพื่อเป็นการป้องกันโรคและการแพร่เชื้อให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม หากมีการกลับมาใหม่ต้องมีการควบคุมโรคที่มีประสิทธิภาพและที่สำคัญที่สุดคือ ประชาชนต้องร่วมมือทำตามคำแนะนำของภาครัฐ ขณะนี้มาตรการพื้นฐานยังเป็นการลดความเสี่ยงในการไปใช้บริการ ทั้งลดจำนวนคนเข้าใช้บริการแต่ละช่วงเวลา คัดกรองผู้มีอการไข้ หลีกเลี่ยงคนมีไข้เข้าใช้บริการ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า จัดให้มีเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และระวังการนำมือมีสัมผัสใบหน้าตา จมูก ปาก
นพ.โสภณ กล่าวด้วยว่า มีการเฝ้าระวังสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเกิดระลอกใหม่อย่างใกล้ชิด ได้แก่ 1.จำนวนผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจทั้งหมดซึ่งไม่ได้มีเฉพาะโรคโควิด-19เท่านั้น โดยจะต้องเร่งตรวจเชื้อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคโดยเร็ว 2.การติดตามดูเปอร์เซ็นต์จากจำนวนคนที่ได้รับการวินิจฉัยติดโควิด-19จากจำนวนตัวอย่างสารคัดหลั่งที่ส่งตรวจทั้งหมด 3.พิจารณาพฤติกรรมของประชาชน ยังคงมีการป้องกันตนเองอย่างเข้มงวดหรือไม่ทั้งการใช้หน้ากาก ล้างมือและเว้นระยัห่างเมื่อเข้าใปนชุมชนหรือใช้บริการต่างๆ และ4.จำนวนผู้ป่วยโควิด-19ที่อาจจะมีการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์หน้าหรือสัปดาห์ต่อไป ก็จะต้องรีบค้นหาสาเหตุและทบทวนดูว่ามาตรการใดที่ยังมีจุดอ่อน เพื่อมเสริมมาตรการให้เข้มแข็งมากขึ้น
“มาตรการส่วนบุคคลเป็นสิ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงของการกลับมาระบาดระลอกที่ 2 ด้วย หากทำได้ดีก็หวังว่าจะไม่เกิดการระบาดในระลอกที่ 2 ซึ่งในหลายประเทศการระบาดในครั้งที่ 2 จะมีจำนวนผู้ป่วยมากกว่าครั้งแรกได้ และบางครั้งมีการระบาดในระลอกที่ 3 ด้วย ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงที่เป็นรอยต่อระหว่างระลอกแรกและหวังว่าจะไม่เจอการระบาดระลอกที่ 2 หรือหากจะมีการกลับมาใหม่ของผู้ป่วยก็เกิดขึ้นแบบน้อยๆ เพื่อให้ระบบการดูแลรักษาทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากประเทศไทยมีการระบาดระลอกที่ 2 ก็จะมีผู้ป่วยมากกว่ารอบแรก จากที่มีปัจจัยเรื่องของฤดูฝนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งปกติจะพบผู้ป่วยโรคติดต่อทางเดินหายใจมากอยู่แล้ว รวมถึง การมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมของเชื้อก็จะนานกว่าหน้าร้อน ”นพ.โสภณกล่าว