"อนุทิน"เผยปลัดสธ.พร้อมรับผิดชอบปมเด้งผอ.รพ.ขอนแก่น
“อนุทิน”เรียก2 ฝ่ายปลัดสธ.- “หมอชาญชัย”เข้าพบให้ข้อมูล ปมสอบวินัยร้ายแรง-เด้งพ้นผอ.รพ.ขอนแก่น สั่ง”หมอสุขุม”แจงรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษร เผยปลัดสธ.ยันพร้อมรับผิดชอบ โอดรมว.ไร้อำนาจล้วงลูกโยกย้ายระดับผอ.รพ.ด้านนพ.ชาญชัยเชื่อมั่นจะได้รับความเป็นธรรม
จากกรณีที่นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย นพ.ชาญชัย จันทร์วรชัยกุล จากผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นให้มาปฏิบัติราชการกองบริหารการสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นพบว่ามีมูลตามข้อร้องเรียนกล่าวหาว่าปฏิบัติหน้าที่มิชอบ และระเบียบของราชการเรื่องเรียกรับเงินจากบริษัทยา และร้านค้า 5% เข้าบัญชีกองทุนพัฒนา รพ.ศูนย์ขอนแก่น โดยแต่งตั้งนพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ผอ.รพ.พระปกเกล้า จ.จันทบุรีเป็นรักษาการแทนซึ่งถือเป็นการแต่งตั้งเข้าตำแหน่งนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 ปี และจะมีการแต่งตั้งนพ.พิทักษ์พล บุณยมาลิก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่11เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง
ล่าสุด เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 8 มิถุนายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.)ให้สัมภาษณ์กรณีนี้ว่า ตนได้เชิญนพ.สุขุม และนพ.อภิชาติ รอดสม สาธารณสุขนิเทศก์ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงและคณะกรรมการฯ มาชี้แจงความเป็นมาอย่างไร ส่วนผลการสืบสวนข้อเท็จจริงยังต้องเก็บเป็นความลับ แม้แต่ตนจะเอามาอ่านยังไม่ได้ โดยคณะกรรมการฯบอกว่าหากจะอ่านต้องทำหนังสืออย่างเป็นทางการ ซึ่งตนไม่ทำเพราะจะเข้าข่ายก้าวก่าย และเรื่องนี้มีขั้นตอนการดำเนินการตามระเบียบและข้อกฎหมายอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่นพ.ชาญชัยได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมมาที่ตนในฐานะรมว.สธ.นั้น ได้รับหนังสือแล้วและเบื้องต้นได้สั่งการให้ปลัดสธ.นำข้อเท็จจริงทั้งหมดมารายงานตนให้ทราบอย่างเป็นทางการและทำเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อที่จะได้มีข้อมูลที่จะสามารถพิจารณาให้ความเห็นภายใต้ขอบเขตอำนาจที่รมว.มีอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่าเพื่อความเป็นธรรมในการแต่งตั้งประธานคณะกรรมการสอบสวนวินัยจะต้องเป็นไปตามลำดับของบัญชีหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่นพ.พิทักษ์พล นายอนุทิน กล่าวว่า ตนสอบถามเรื่องนี้แล้ว แต่ไม่มีกฎระเบียบใดๆกำหนดไว้ ทุกอย่างอยู่ที่อำนาจของปลัดสธ.เพราะเป็นหัวหน้าส่วนราชการของสธ.ที่จะใช้ดุลพินิจสั่งการอย่างไร เพราะย่อมทราบในขอบเขตอำนาจ โดยทุกอย่างที่ทำท่านปลัดสธ.ก็ยืนยันกับตนว่าพร้อมรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นเมื่อปลัดดำเนินการในขอบเขตอำนาจ ก็ต้องให้ท่านเป็นคนพิจารณาสั่งการ
เมื่อถามว่ามีคนตั้งข้อสังเกตว่าปลัดสธ.กับนพ.ชายชัยเป็นคู่กรณี ในฐานะรมว.สธ.จะต้องลงมาพิจารณาในเรื่องนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรม นายอนุทิน กล่าวว่า ปลัดสธ.ไม่ใช่คู่กรณีแต่เป็นผู้บังคับบัญชาของนพ.ชาญชัยและข้าราชการทุกคนในสธ. และเรื่องนี้ตนให้ความเป็นธรรมอยู่แล้ว และคิดว่าทุกคนต้องมีวุฒิภาวะจะเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงานไม่ได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมประชาชนมากมายจับตามองอยู่ ไม่มีการทำอะไรด้วยความสะใจหรืออคติแน่นอน ต่อให้ทำก็ไม่ผ่านคณะกรรมการอีกหลายขั้นตอน
ต่อข้อถามความเหมาะสมในการตั้งรักษาการผอ.รพ.ขอนแก่นเป็นนพ.เกรียงศักดิ์ ที่เป็นการตั้งซ้ำรอบที่ 2 จะให้มีการทบทวนหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นอำนาจของปลัดสธ.หากตนไปสั่งให้ย้ายตนก็โดนหาว่าล้วงลูก ส่วนทำไมปลัดตั้งก็ต้องไปถามปลัด ว่ามีเหตุอะไรแต่จะตอบไม่ตอบก็ได้ แต่ในระเบียบตนอ่านและถามฝ่ายกฎหมายแล้วว่าอำนาจรัฐมนตรีทำอะไรได้บ้าง ซึ่งก็บอกว่าทำได้แค่สั่งย้ายปลัดสธ.เท่านั้น แต่สิ่งที่ทำได้ในเชิงบริหารคือให้ความเป็นธรรมซึ่งก็ให้แล้ว
“ถ้าผมไปบอกให้ปลัดทบทวนคำสั่ง แล้วปลัดออกมาบอกว่าที่ทำเพราะรมว.สธ.สั่งมา ผมก็ผิดมาตรา157 ทันที แต่หากเรื่องถึงอ.ก.พ.กระทรวงฯ ผมถึงจะมีอำนาจ ทุกอย่างมีขั้นตอน ซึ่งการจะให้รมว.สธ.ลงมาจัดการสั่งให้ย้ายกลับ ถามว่าทำได้หรือไม่ เพราะรมว.ย้ายข้าราชการระดับซี 9 ไม่ได้ จะขอให้ปลัดทบทวนคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย รมว.ก็ไม่มีอำนาจ แต่ผมก็ย้ำแล้วว่าทุกอย่างต้องเป็นธรรม และอย่าให้การบริการประชาชนลดลง”นายอนุทินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่ามีบริษัทยาบริจาคเงินเข้ามูลนิธิกรมการแพทย์ โดยรมว.สธ.เป็นผู้รับมอบถือว่าผิดด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การบริจาคเข้ามูลนิธิมีใบเสร็จรับเงิน
ถามต่อว่ารพ.ขอนแก่นไม่มีใบเสร็จรับเงินหรืออย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นใบรับเงิน
ต่อมาเวลา 11.30 น. นายอนุทิน กล่าวระหว่างการให้นพ.ชาญชัยเข้าพบว่า ให้คำยืนยันต่อนพ.ชาญชัยว่าจะให้ความเป็นธรรมอย่างที่สุด วันนี้ไม่ได้ถือว่านพ.ชาญชัยมีความผิด แต่อยู่ในกระบวนการสอบสวนตั้งแต่สอบสวนข้อเท็จจริง ถ้ามีมูลก็เป็นการสอบสวนวินัย หลังจากนั้นเรื่องจะถูกส่งเข้าอ.ก.พ.กระทรวงสาธารณสุข ซึ่งรมว.สธ.เป็นประธาน เพราะฉะนั้น ส่วนที่ตนจะเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงเมื่อเรื่องมาถึงอ.ก.พ.ร่วมกับคณะกรรมการที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่ไม่ได้เป็นผู้บังคับบัญชาของรมว.สธ.แม้แต่คนเดียว ขอให้มีความมั่นใจว่าทุกอย่างจะต้องมีความเป็นธรรม จากกรณีที่มีการพุดว่าจะไม่มีความเป็นธรรม เพราะรัฐมนตรีรู้จักฝ่ายโน้น ไม่รู้จักฝ่ายนี้
“ขอยืนยันว่าการรู้จักส่วนตัวเกิดขึ้นมาก่อนไปห้ามไม่ได้ แต่ตั้งแต่เข้ามาทำหกน้าที่ในสธ. ไม่เคยใช้ความเป็นส่วนตัวในการที่จะพิจารณาออกคำสั่งหรือให้นโยบายสิ่งใด เพราะว่ามีความสนิทสนามส่วนตัว เพราะตอนเข้ามราไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใคร ตอนออกไปก็ไม่ได้จะต้องไปทมวงหนี้บุญคุณใคร อันนี้เป็นเรื่องของการทำงานตามหน้าที่ราชการที่ถูกต้อง มีวุฒิภาวะที่เพียงพอที่จะเห็นว่าสิ่งใดเหมาะสมไม่เหมาะสม และถ้าไม่มีการกระทำที่ผิดระเบียบ ไม่มีอะไรผิดกฎหมาย ไม่มีใครที่จะกลั่นแกล้งได้ และไม่มีเจตนารมณ์ใดที่จะทำให้เกิดการกล่าวหา ซึ่งจะให้ความเป็นธรรมเต็มที่ และต้องฟังข้อเท็จจริงทุกฝ่ายจะฟังฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ได้ เพื่อจะได้นำมาพิจารณาได้อย่างรอบด้าน”นพ.อนุทินกล่าว
ด้านนพ.ชาญชัย กล่าวว่า จากนี้จะไม่ขอให้สัมภาษณ์ใดๆอีก หลังจากที่ได้เข้ารายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดต่อรมว.สธ.แล้ว เชื่อมั่นว่าจะได้รับความเป็นธรรม อย่างไรก็ตา ก่อนหน้านี้ได้ยื่นอุทธรณ์คำสั่งปลัดสธ.ตามสิทธิ์โดยยืนยันว่าตนไม่ได้มีพฤติกรรมในการข่มขู่พยานแต่อย่างใดๆ ซึ่งตามระเบียบจะต้องมีการพิจารณาต่อคำอุทธรณ์ภายใน 30 วัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่านพ.สุขุม ติดภารกิจประชุมเกี่ยวกับงบประมาณ ที่สภาผู้แทนราษฎรจึงยังไม่สะดวกให้สัมภาษณ์