ยธ.-กรมคุก คุมเข้ม 'บรรยิน' หลังวางแผนแหกคุก-ขู่จับภรรยา ผบ.เรือนจำ
กระทรวงยุติธรรม-กรมราชทัณฑ์ คุมเข้ม "บรรยิน" หลังวางแผนแหกคุก-ขู่จับภรรยา ผบ.เรือนจำ
รายงานข่าวจากกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันนี้ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้รายงานข้อมูล ต่อผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมถึงเบาะแสความพยายามวางแผนจะหลบหนีออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ของพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยคดีฆาตกรรมนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เเละคดีอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชายของน.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโสศาลอาญากรุงเทพใต้
โดยชุดสืบสวนกองปราบปรามได้แจ้งเบาะแสมายังกรมราชทัณฑ์ ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการการคุมขังให้เข้มข้นขึ้น จากนั้นสั่งย้าย พ.ต.ท.บรรยิน จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเรือนจำสำหรับคุมขังนักโทษระหว่างการพิจารณาคดี ไปยังเรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งเป็นเรือนจำความมั่นคงสูงเพื่อควบคุมดูแลเป็นกรณีพิเศษ
นอกจากนี้ ยังพบว่า พ.ต.ท.บรรยิน ได้วางแผนชิงตัวระหว่างเดินทางจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปฟังการพิจารณาคดีที่ศาลอาญา แต่ชุดสืบสวนกองปราบปรามรู้ความเคลื่อนไหวก่อน จึงประสานให้กรมราชทัณฑ์ปรับมาตรการการคุมขัง
เบาะแสยังระบุด้วยว่า พ.ต.ท.บรรยิน ได้วางเเผนให้ทนายความยื่นประกันตัวผู้ต้องขังคดีชิงทรัพย์รายหนึ่งที่ขังอยู่ด้วยกันกับพ.ต.ท.บรรยิน ให้ออกจากเรือนจำ เมื่อช่วง 2 สัปดาห์ก่อน
ก่อนที่ชุดสืบสวนกองปราบปราม จะเข้าจับกุมตัวนายโจ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลักทรัพย์ ได้ที่ซอยลาดพร้าว 130 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ หลังได้รับการประกันตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ แต่ยังคงมีหมายจับค้างเก่าติดตัวอีก 1 หมาย ก่อนนำมาสอบปากคำ
เบื้องต้น นายโจ ให้การรับสารภาพ ว่าที่ได้ประกันตัวออกมาเป็นเพราะ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ที่รู้จักกันในเรือนจำฯ ได้ให้ทนายความส่วนตัวติดต่อทนายความอีกคนให้มาประกันตัวนายโจออกจากเรือนจำ
พร้อมทั้งยังให้การเพิ่มเติมอีกว่าสาเหตุที่พ.ต.ท.บรรยิน ช่วยเหลือในครั้งนี้ เป็นเพราะ ขณะที่รู้จักกันในเรือนจำ โดย พ.ต.ท.บรรยิน มีคำสั่งให้ตนทำงานให้ 2 ข้อ ข้อแรก ให้หาทางชิงตัวพ.ต.ท.บรรยิน ออกจากคุก แต่ถ้าข้อแรกทำไม่สำเร็จ ให้ลักพาตัวภรรยาของ ผบ.เรือนจำ มาให้ได้เพื่อไว้ใช้ในการต่อรองกับผบ.เรือนจำ เรื่องการหนีออกจากคุก
โดยก่อนหน้านี้พ.ต.ท.บรรยินได้ขอสิทธิพิเศษต่างๆ โดยขอให้ทางเรือนจำย้ายตัวเองไปอยู่ในแดนที่มีความสะดวกสบาย แต่ผู้บัญชาการเรือนจำไม่ยินยอม เนื่องจากผิดหลักเกณฑ์และระเบียบของกรมราชทัณฑ์ พร้อมข่มขู่ผู้บัญชาการเรือนจำให้ปล่อยตัว มิเช่นนั้นจะอุ้มภรรยา
นอกจากนี้พ.ต.ท.บรรยินให้ลูกน้องประสานกับอดีต สส.รายหนึ่งในพื้นที่นครสวรรค์ เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ถูกปฏิเสธ
อย่างไรก็ดี ทางกรมราชทัณฑ์ได้ย้ายพ.ต.ท.บรรยินออกจากเรือนจำเดิมไปฝากขังที่เรือนจำบางขวาง ทำให้พ.ต.ท.บรรยินเกิดอาการเครียดหนัก และในช่วงเวลา 18.00 น. ของวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.ท.บรรยินคิดฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอแต่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พบก่อนจึงช่วยชีวิตไว้ได้ทัน
สำหรับพ.ต.ท.บรรยิน ถูกควบคุมตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ และเป็นจำเลยในคดีปลอมเอกสารโอนหุ้นนายชูวงษ์ ซึ่งศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ลงโทษจำคุกพ.ต.ท.บรรยิน กับพวกรวม 3 คนๆ ละ 8 ปี, คดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ซึ่งจะมีการสืบพยานฝ่ายโจทก์ตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย.-23 ก.ย. นี้และจะเริ่มสืบพยานฝ่ายจำเลย 24 ก.ย.- 14 ต.ค.นี้
ส่วนคดีอุ้มฆ่าพี่ชายน.ส.พนิดา พ.ต.ท.บรรยินถูกฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับนายมานัส อายุ 67 ปี , นายณรงค์ศักดิ์ อายุ 48 ปี , นายชาติชาย อายุ 31 ปี , นายประชาวิทย์ หรือ ตูน อายุ 33 ปี , ด.ต.ธงชัย หรือ สจ.อ๊อด อายุ 63 ปี ซึ่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้นัดตรวจหลักฐานในวันที่ 22 และ 25 มิ.ย. นี้
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เพื่อสอบถามถึงกรณีดังกล่าว แต่นายสมศักดิ์อยู่ระหว่างปฏิบัติราชการ แหล่งข่าวซึ่งเป็นคนใกล้ชิดนายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า นายสมศักดิ์ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวมาสักระยะนึงแล้ว โดยหลังจากนี้จะมีการแถลงถึงกรณีที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ส่วน พ.ต.อ.ณรัชต์ ปฏิเสธตอบคำถามดังกล่าว โดยระบุเพียงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ