ส่อง 5 ความเชื่อ "ราหูย้าย 2563" ทำไมมีอิทธิพลต่อดวงชะตาชีวิต?
ใครที่เริ่มสนใจการไหว้ "พระราหู" เป็นครั้งแรก ก็อาจมีหลายคำถามคาใจอยู่หลายข้อ เช่น ทำไมเราถึงต้องไหว้ราหู, ทำไม "ราหูย้าย 2563" ถึงมีอิทธิพลต่อดวงวชะตา รวมถึง "ของไหว้" พระราหูนำมากินต่อได้หรือไม่?
พูดถึงเรื่องความเชื่อเกี่ยวกับดวงชะตา นาทีนี้หลายคนคงมุ่งความสนใจไปที่การไหว้ "พระราหู" กันอยู่แน่ๆ เพราะเดือนกันยายน 2563 นี้ เป็นเดือนที่ "ราหูย้าย" เคลื่อนไปประจำราศีใหม่ ในทางโหราศาสตร์เชื่อกันว่าเวลาที่ราหูเคลื่อนย้ายแบบนี้จะส่งผลต่อดวงชะตาตามลักขณาราศีเกิดของหลายๆ ราศี รวมถึงคนที่เกิดวันพุธกลางคืนด้วย
สำหรับปีนี้มีหลายคนที่เริ่มหันมาสนใจการไหว้ "พระราหู" เป็นครั้งแรก เพื่อเสริมดวงชะตาและปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากดวงชะตาชีวิต แต่ก็อาจจะยังมีหลายคำถามคาใจ เช่น ทำไมเราถึงต้องไหว้พระราหู? ทำไมดาวราหูถึงมีอิทธิพลต่อดวงชะตา? รวมถึง "ของไหว้" พระราหูนำมากินต่อได้หรือไม่? วันนี้ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ จะพาไปหาคำตอบของความเชื่อเหล่านี้กัน
อ้อ! ใครที่อยากไหว้ "พระราหู" ในช่วงวาระที่ "ราหูย้าย 2563" อย่าลืมว่าคืนนี้ก็ยังสามารถไหว้ได้อยู่ โดย "หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา" หมอดูชื่อดังเผยว่าปีนี้สามารถไหว้ราหูได้ในคืนวันที่ 9-10 กันยายน 2563 ในเวลา 20.12 น. (วันไหนก็ได้) สำหรับของไหว้ที่ต้องใช้และวิธีการไหว้สามารถคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ข้างล่างนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- 'หมอช้าง' เผยวิธีทำบุญ-เตรียมของไหว้ 'พระราหู' ย้ายราศีครั้งใหญ่ เสริมดวงชะตา
- 'หมอช้าง' เปิด 3 ราศีที่การเงินโดดเด่น ปังมาก!
1. ทำไมในความเชื่อด้านโหราศาสตร์ต้องไหว้ "พระราหู"?
'หมอช้าง' หมอดูชื่อดังได้เคยอธิบายเอาไว้ว่า ในทางดาราศาสตร์ดาวราหูไม่ได้มีตัวตนเหมือนกับดาวอื่นๆ ในระบบสุริยะจักรวาลแต่เป็นจุดตัดขาขึ้นระหว่างดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ (Ascending Node) ถ้าจุดตัดนี้อยู่ในระนาบเดียวกันก็จะเกิดปรากฏการณ์สุริยุปราคา-จันทรุปราคา หรือที่มักเรียกกันว่าราหูอมอาทิตย์และราหูอมจันทร์ ซึ่งสำหรับคนที่มีความเชื่อเรื่องดวงดาวและโชคชะตานั้น การเตรียมตัวในช่วงดวงดาวย้ายราศีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการเคลื่อนย้ายของราหูจะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อดวงชะตา
ดังนั้นเพื่อเป็นการเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโชคชะตาที่อาจจะเกิดขึ้น จึงต้องแก้ไขด้วยการไหว้พระราหู ซึ่งการทำพีธีดังกล่าวเป็นเรื่องของความเชื่อที่ช่วยให้ผู้ไหว้มีขวัญและกำลังใจ ยึดมั่นในศีลธรรมอันดี ซึ่งอาจช่วยให้ผู้ศรัทธาเกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิตที่ดีขึ้น
สำหรับผู้ที่ควรไหว้ราหูเมื่อพระราหูเคลื่อนย้ายมาประจำที่ราศีของตน ได้แก่ ผู้ที่เกิดในวันพุธกลางคืน และผู้ที่ประกอบอาชีพเกี่ยวกับดาวราหู เช่น งานบันเทิง, งานเบื้องหลัง, งานกลางคืน, งานด้านต่างประเทศ, งานด้านอินเทอร์เน็ต, นายหน้าตัวแทน เป็นต้น
2. ทำไม 'ดาวราหู' ถึงมีอิทธิพลต่อดวงชะตาราศี?
บางตำราอธิบายเอาไว้ว่า “พระราหู” เป็นเทวดานพเคราะห์ประเภทบาปเคราะห์ ให้ผลในทางลุ่มหลงมัวเมา ฝักใฝ่ในทางด้านมืด เป็นมิตรกับพระเสาร์ เป็นศัตรูกับพระพุทธ ในทางโหราศาสตร์ไทย พระราหูถูกแทนด้วยเลข 8 และถูกสร้างขึ้นมาจากหัวผีโขมด 12 หัว จึงมีกำลังพระเคราะห์เป็น 12 ว่ากันว่าเป็นเทวดาของผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืน
ส่วนอีกหนึ่งตำราก็อธิบายว่า "ราหู" หรือ "พระราหู" คือ เทพเจ้าแห่งการเปลี่ยนแปลงและภัยพิบัติ เพราะฉะนั้นเมื่อดาวราหูโคจรเข้าทับลัคนา, ลัคน์วัย, อายุจรของใครก็ตาม รับรองได้ว่าชีวิตของเขาจะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลง รวมถึงความวุ่นวายอุปสรรค , การเจ็บป่วย, อุบัติเหตุ, หนี้สิน, ปัญหาด้านงานเอกสาร ข้อตกลงข้อสัญญา, ระเบียบข้อบังคับ, คดีความ, โยกย้าย อย่างใดอย่างหนึ่งอย่างแน่นอน
3. "ของไหว้" พระราหูนำมากินต่อได้หรือไม่?
คำตอบของคำถามนี้ หมอช้างเคยอธิบายเอาไว้ว่า เมื่อไหว้พระราหูเสร็จแล้วให้กล่าวคาถาลาของไหว้ในช่วงที่ธูปใกล้หมด โดยเอ่ยบทสวดว่า "เสสัง มังคะลา ยาจามิ" แล้วสามารถนำมารับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคลได้ ก่อนรับประทานของไหว้ควรท่องคาถา "คะ พุท ปัน ทู ธัม วะ คะ" ตามแบบฉบับของวัดศีรษะทอง ต้นตำรับการไหว้พระราหู
4. ตำนาน "พระราหู" ตามความเชื่อทางโหราศาสตร์
ตามเทวดานพเคราะห์ คัมภีร์เฉลิมไตรภพ เล่าไว้ว่าพระราหูเป็นเทวดาลำดับที่ 8 เกิดจากการที่พระอิศวรทรงนำหัวผีโขมด 12 หัว มาป่นลงเข้าด้วยกัน แล้วประพรม ด้วยน้ำอมฤต จึงบังเกิด เป็นพระราหู ขึ้นมา สีกายเป็นทองสัมฤทธิ์ วิมานสีนิล ทรงครุฑเป็นพาหนะ แต่บางตำราก็บอกว่ากายของพระราหูนั้นมีสีดำบ้าง สีเขียวบ้าง แตกต่างกันออกไป
ส่วนอีกหนึ่งตำนานเล่าว่า เมื่อครั้งที่พระนารายณ์ได้ทรงอวตารเป็นเต่า ลงมาทำพิธีกวนเกษียรสมุทร เพื่อทำน้ำอมฤตเพื่อความเป็นอมตะ โดยเหล่าเทวดาต่างก็เข้ามาดื่มกินน้ำอมฤตนี้ ขณะเดียวกันก็เกรงว่าจะมีเหล่าอสูรมาแอบดื่มกิน อาจจะเป็นภัยในภายภาคหน้าได้ เทวดาจึงใช้อุบายล่อหลอกเหล่าอสูรเพื่อไม่ให้อสูรเข้ามากินน้ำอมฤตได้ แต่พระราหูซึ่งเป็นอสูรนั้นได้ล่วงรู้แผนการ จึงแปลงกายเป็นเทวดา ปะปนเข้าไปเพื่อจะดื่มน้ำอมฤต
ต่อมาพระอาทิตย์และพระจันทร์ได้เห็นเข้า จึงไปฟ้องพระนารายณ์ พระนารายณ์ทรงกริ้วจึงขว้างจักรถูกกายพระราหูขาดเป็นสองท่อน แต่ด้วยอานุภาพของน้ำอมฤต จึงทำให้พระราหูไม่ตาย ท่อนหัวไปอยู่ในอากาศกลายเป็น พระราหู ซึ่งคอยจับกิน (อม) พระอาทิตย์และพระจันทร์ เพื่อแก้แค้นที่เทพทั้งสองนำความไปฟ้องพระนารายณ์
5. "พระราหู" เสริมดวงชะตา ไม่ใช่หายนะเสมอไป!
ในบทความเรื่อง "ราหู เทพเจ้าแห่งการเปลี่ยนแปลง-ภัยพิบัติ" โดย ปราณเวท อธิบายไว้ว่า พระราหู ไม่ได้เป็นดวงด้านโชคร้ายอย่างเดียว แต่ยังมีด้านดีด้วย นั่นคือ ความฉลาดหลักแหลม มีเล่ห์เหลี่ยม มีความสามารถในการโน้มน้าวจิตใจคน ใจนักเลง มีเพื่อนฝูงมาก รักพวกพ้อง ชอบการสังสรรค์ มุ่งเน้นผลประโยชน์-ผลลัพธ์มากกว่าวิธีการ เป็นนักการตลาด นักบริหารชั้นยอด ฯลฯ และถ้าในขณะที่ราหูโคจรทับ ในช่วงที่ราศรีใดกำลังมีปัญหาอุปสรรคต่างๆ อยู่ในขณะนั้น ราหูก็จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นได้ (ในกรณีที่ราหูโคจรมาอยู่ในตำแหน่ง "ให้คุณ" แก่ดวงชะตานั้นๆ)
ส่วนอีกตำราหนึ่งโดย "พ.ปฏิกรณ์ โหราศาสตร์ไทย" ก็กล่าวไปในทิศทางเดียวกันว่า อีกบริบทหนึ่ง "ราหู" ก็สามารถให้คุณแก่ดวงชะตาได้ ไม่ได้ส่งผลในด้านร้ายเสมอไป โดยเฉพาะหากดาวราหูและดาวเสาร์โคจรมาประจำพื้นดวงในราศีนั้นๆ พร้อมกันในตำแหน่งที่ "ให้คุณ" ก็จะทำให้เจ้าเรือนราศรีนั้นได้รับโชคลาภก้อนใหญ่ เนื่องจากในทางโหราศาสตร์ "ดาวราหู" และ "ดาวเสาร์" เป็นคู่มิตรของกันและกันเพียงหนึ่งเดียว
ยกตัวอย่างเช่น ในวันที่ฟ้าเปิด หากดาว "ราหู" โคจรมาทับเรือนการเงินของราศีใดๆ ซึ่งมี "ดาวเสาร์" ตั้งรับอยู่ในดวงเดิมอยู่ก่อนแล้ว ก็ทำให้เจ้าเรือนชะตาร่ำรวยขึ้นมาได้ในพริบตา เป็นโชคใหญ่ชนิดถูกหวยรวยเบอร์ระดับรางวัลที่หนึ่งได้ไม่ยาก
--------------------------
อ้างอิง :