‘มาดามเดียร์’ เผย 'Soft Power' ขุมพลังเศรษฐกิจแนวใหม่ หนังไทยต้องรอด!
"มาดามเดียร์" เผย "Soft Power" ขุมพลังเศรษฐกิจแนวใหม่ อุตสาหกรรมหนังไทยต้องรอด!!
เมื่อวันที่ 22 ก.ย.63 น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี “มาดามเดียร์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว "เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี" ระบุว่า "Soft Power" ขุมพลังเศรษฐกิจแนวใหม่ อุตสาหกรรมหนังไทยต้องรอด!!
#ข่าวดีต้องขยาย #เพื่อพัฒนาและต่อยอดเศรษฐกิจ
ภายหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 ทำให้ธุรกิจหลายๆ อย่างเปลี่ยนแปลงไป หนึ่งในนั้นคืออุตสาหกรรม “ภาพยนตร์ไทย” ที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
แม้ขณะนี้ทางภาครัฐจะอนุญาตให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เดินหน้าได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นกองถ่าย โรงภาพยนตร์ แต่ทว่าอุตสาหกรรมหนังไทยยังคงไม่ฟื้นตัว หนำซ้ำยังต้องแข่งขันกับอุตสาหกรรมหนังของโลกในรูปแบบต่างๆ เดียร์เองได้มีโอกาสสนทนากับผู้ประกอบการภาพยนต์หลายท่าน ทำให้รู้ถึงปัญหาในภาพรวม ซึ่งเรื่องนี้กำลังจะถูกนำเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบเพื่อหาทางช่วยเหลือผู้ประกอบการหนังไทยของเราให้อยู่รอดต่อไป
และขอบอกว่ามีข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมหนังไทย แน่นอน!
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ต่อมา เวลา 15.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา. นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ นำตัวแทนผู้ประกอบอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไทย อาทิ บริษัท ทรานส์ฟอร์มเมชั่น ฟิล์ม จำกัด บริษัท จีดีเอช ห้าห้าเก้า จำกัด บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น จำกัด และ บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เข้าพบเพื่อเสนอข้อคิดเห็นในการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยให้มีความเข้มแข็ง แข่งขันในระดับนานาชาติ สร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมประเพณีของประเทศไทยอย่างยั่งยืน โดยมีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เห็นพ้องกับข้อเสนอของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่จะใช้ content เกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม อาหาร สถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยสอดแทรกในภาพยนตร์เพื่อเป็น Soft Power สร้างรายได้ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งส่งเสริมความรัก ความสามัคคี หลอมรวมจิตใจของประชาชนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งรัฐบาลยินดีรับฟังความคิดเห็นและพร้อมช่วยเหลือทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 และหวังว่าหลัง โควิด-19 อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสามารถเติบโตอย่างยั่งยืน เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพที่สร้างรายได้ให้กับประเทศจำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ มอบหมายให้กระทรวงวัฒนธรรมบูรณาการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภาพยนตร์เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม สอดคล้องกับงบประมาณและกฎหมายที่มีอยู่ หวังเห็นความร่วมมือช่วยกันสร้างชาติให้มีมั่นคงยั่งยืน พร้อมเสนอแนะให้มีการจัดหมวดหมู่ เนื้อหา (content) ของภาพยนตร์หรือชีรี่ย์ให้ชัดเจนน่าสนใจเหมือนต่างประเทศ ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมทั้งตลาดบน ตลาดกลาง และตลาดล่าง ด้วย
โอกาสนี้ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ได้ยกตัวอย่างการสนับสนุนของรัฐบาลในต่างประเทศ อาทิ สิทธิประโยชน์ทางภาษี การส่งเสริมวัฒนธรรมผ่านภาพยนตร์ ซึ่งเกาหลีใต้ประสบความสำเร็จ โดยใช้ภาพยนตร์ ซีรี่ย์ ดารา ศิลปิน เป็นกลไกสำคัญในการสร้าง Soft Power กลายเป็นสินค้าทางวัฒนธรรม สอดแทรกสาระ content ที่เกี่ยวข้องกับศิลปวัฒนธรรม ทั้งอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ความรัก ความสามัคคี รวมทั้งศักยภาพอื่น ๆ ของไทย ซึ่งอุตสาหกรรมภาพยนตร์นอกจากจะสร้างรายได้จำนวนมหาศาล สนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้ ทำให้เกิดการจ้างงานไม่น้อยกว่า 200,000 อัตรา ช่วยเรียกความเชื่อมั่นใจต่างประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเผชิญภาวะวิกฤติในปัจจุบัน ยังเป็นกลไกสำคัญในการเสริมสร้างความรัก ความสามัคคี หลอมรวมจิตใจของประชาชนในชาติให้เป็นหนึ่งเดียวกันตามนโยบายของรัฐบาล อีกด้วย