เช็คด่วน! พื้นที่ 7 จังหวัดน้ำท่วมขัง พิษพายุถล่มเดือดร้อน 9,465 ครัวเรือน
อัพเดท เช็คด่วน! พื้นที่ 7 จังหวัดน้ำท่วมขัง พิษพายุถล่มเดือดร้อน 9,465 ครัวเรือน
13 ต.ค. 63 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ 14 จังหวัด รวม 45 อำเภอ 102 ตำบล 304 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,465 ครัวเรือน ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระแก้ว ราชบุรี กาญจนบุรี เพชรบุรี พังงา และตรัง ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2563 – ปัจจุบัน (13 ตุลาคม 2563 เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย 14 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง กาญจนบุรี ชัยนาท ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พังงา ภูเก็ต และตรัง รวม 45 อำเภอ 102 ตำบล 304 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,465 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่
นครราชสีมา น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากช่อง อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอปักธงชัย อำเภอโนนสูง อำเภอชุมพวง อำเภอห้วยแถลง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอพิมาย อำเภอจักราช อำเภอโนนไทย และอำเภอโชคชัย รวม 35 ตำบล 94 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,525 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับผลกระทบ 6,782 ไร่ ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอปักธงชัย อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอโนนสูง อำเภอโนนไทย และอำเภอโชคชัย ระดับน้ำลดลง
สระแก้ว น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอวังสมบูรณ์ และอำเภอคลองหาด รวม 7 ตำบล 34 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 250 ครัวเรือน ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ตำบลตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น ระดับน้ำลดลง
ราชบุรี น้ำไหลหลากในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสวนผึ้ง อำเภอจอมบึง อำเภอปากท่อ และอำเภอบ้านคา รวม 11 ตำบล 78 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 982 ครัวเรือน ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอสวนผึ้งและอำเภอจอมบึง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตร ระดับน้ำลดลง
กาญจนบุรี น้ำไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย และอำเภอท่ามะกา รวม 4 ตำบล 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 291 ครัวเรือน ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอด่านมะขามเตี้ย ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตร ระดับน้ำลดลง
เพชรบุรี น้ำไหลหลากในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอำ อำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอแก่งกระจาน อำเภอท่ายาง อำเภอเมืองเพชรบุรี และอำเภอบ้านแหลม รวม 12 ตำบล 27 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 238 ครัวเรือน ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง ระดับน้ำลดลง
พังงา น้ำไหลหลากในพื้นที่ตำบลบางไทร อำเภอตะกั่วป่า รวม 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ตรัง น้ำไหลหลากในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตรัง อำเภอสิเกา และอำเภอวังวิเศษ รวม 4 ตำบล 5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 35 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลง
ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ร่วมกับจังหวัด หน่วยทหาร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ รวมถึงสนับสนุนเรือท้องแบน พร้อมเครื่องยนต์ รถบรรทุกติดตั้งเครน รถเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปยังจุดอพยพ อีกทั้งแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อการดำรงชีพ สำหรับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจประเมินความต้องการการช่วยเหลือของผู้ประสบภัย พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน
ทั้งการประกอบอาชีพชีวิตความเป็นอยู่ ที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ตลอดจนเร่งซ่อมแซมและฟื้นฟูสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติโดยเร็ว สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป