“ไทยยูเนี่ยน” สั่งเข้มคุมโควิดหลังพนักงานติด1 ราย ลั่นยืดเยื้อสั่งปิด 2 สัปดาห์

 “ไทยยูเนี่ยน” สั่งเข้มคุมโควิดหลังพนักงานติด1 ราย ลั่นยืดเยื้อสั่งปิด 2 สัปดาห์

ไทยยูเนี่ยน แจง พนักงาน ติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร 1 ราย สั่งเข้มปฏิบัติตามอาชีวอนามัย ลั่น พร้อมปิด ทุกโรง หากเกิดเหตุสุดวิสัย ป้องผลกระทบการผลิต

นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครนั้น บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ขอยืนยันว่า สิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญสูงสุดคือสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน คู่ค้า ผู้บริโภคและชุมชนโดยรอบ  บริษัทได้มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับหน่วยงานต่างๆ ของภาครัฐ ในการปฏิบัติตามมาตรการและแนวทางป้องกันต่างๆ  และจนถึงปัจจุบัน วันที่ 21 ธันวาคม นี้

ทางบริษัทได้รับรายงานยืนยันว่ามีพนักงานติดเชื้อเพียง 1 รายจากพนักงานทั้งหมดของกลุ่มบริษัทที่มีการปฏิบัติงานในจังหวัดสมุทรสาคร ไทยยูเนี่ยนมีความพร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับของทางหน่วยงานราชการว่าด้วยการตรวจสอบหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 ให้กับพนักงานของบริษัทฯ

ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2563 โรงงานทุกโรงในประเทศไทย ภายใต้บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ยังคงเปิดดำเนินการและเราได้วางแผนการดำเนินงานอย่างรอบคอบและรัดกุม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อการผลิต อย่างไรก็ดี ในกรณีเกิดเหตุสุดวิสัยที่อาจทำให้ต้องปิดโรงงานทุกโรงในจังหวัดสมุทรสาครเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ทางบริษัทได้ประเมินว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ทั้งหมดของบริษัทน้อยกว่าร้อยละ 2 ของรายได้รวมต่อปี ซึ่งบริษัทได้เตรียมมาตรการเสริมเพื่อทดแทนกำลังการผลิตไว้แล้วหากเกิดเหตุสุดวิสัยดังกล่าวขึ้น

                 ไทยยูเนี่ยนขอความร่วมมืออย่างต่อเนื่องให้พนักงานปฏิบัติตามข้อแนะนำและแนวทางปฏิบัติด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยทั้งจากภาครัฐและบริษัทฯ   ตั้งแต่ต้นปี บริษัทฯ มีมาตรการคัดกรองผู้ที่จะเข้ามาปฏิบัติงานที่โรงงาน ซึ่งครอบคลุมทั้งพนักงานบริษัทฯ และผู้ที่มาติดต่อ รวมถึงมาตรการและข้อปฏิบัติด้านความปลอดภัยต่างๆ เช่น หมั่นล้างมือบ่อยๆ  ใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ และเว้นระยะห่างทางสังคม

“ สุดท้าย ผมเชื่อว่าความร่วมมือคือหัวใจสำคัญของการฝ่าวิกฤตในครั้งนี้ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จะเดินหน้าให้ความร่วมมือกับภาครัฐเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการยับยั้งการแพร่ระบาดในครั้งนี้”