ล็อกดาวน์ 'สมุทรสาคร' อย่าให้ล็อกดาวน์ประเทศ

ล็อกดาวน์ 'สมุทรสาคร' อย่าให้ล็อกดาวน์ประเทศ

การระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่สมุทรสาครมีความรุนแรง พบผู้ติดเชื้อต่อเนื่อง และขยายไปยังจังหวัดอื่น ทำให้วันนี้สมุทรสาครต้องตีวงค้นหาผู้ติดเชื้อ ขณะเดียวกันได้สร้างความตื่นตัวในการป้องกันมากขึ้น เพื่อไม่ให้มีการล็อกดาวน์ประเทศเหมือนการระบาดรอบแรก

การระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครมีความรุนแรงมากขึ้น โดยข้อมูลของศูนย์โควิด-19 วันที่ 21 ธ.ค.2563 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 382 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 14 ราย ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าวจากการคัดกรองเชิงรุก 360 ราย ถือเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากที่พบผู้ติดเชื้อพร้อมกันจำนวนมากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งแม้จะพบผู้ติดเชื้อจำนวนมากในพื้นที่เดียว แต่เป็นเรื่องดีที่มีการตรวจสอบเชิงรุกทำให้ทุกฝ่ายรับทราบข้อมูลผู้ติดเชื้อและเข้าควบคุมการระบาดแบบเข้มงวดในทันที

สำหรับมาตรการควบคุมการระบาดในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร ใช้วิธีการควบคุมโรคตีวงค้นหาผู้ติดเชื้อพื้นที่ที่ระบาดมาก โดยบริหารจัดการไม่ให้กลุ่มที่ติดเชื้อปะปนกับกลุ่มที่ติดเชื้อ รวมทั้งมีการตั้งโรงพยาบาลสนามใกล้ตลาดกลางกุ้งที่จะเป็นที่สำคัญในการระบาดเพื่อดูแลเฉพาะกลุ่ม ซึ่งภาครัฐจัดให้มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเข้าไปดูแลสุขภาพ และหากพบมีอาการป่วยจะให้การดูแลทางการแพทย์ และอาการหนักจะส่งเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นมาตรการที่ดำเนินการได้ในขณะนี้

การร่วมมือในการป้องกันการระบาดจะต้องร่วมมือกันทั้งประชาชน ภาครัฐและภาคเอกชน เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นมีผลต่อทุกคน โดยที่ผ่านมาหอการค้าจังหวัดสมุทรสาครและสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครประเมินผลกระทบจากการล็อกดาวน์ต่อภาคธุรกิจอยู่ที่วันละ 1,000 ล้านบาท รวมทั้งกระทบต่อภาพลักษณ์สินค้าของจังหวัดสมุทรสาครที่ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอาหารประมงแปรรูป และที่ผ่านมาผู้นำเข้ามั่นใจการสั่งซื้อสินค้าไทยหลังจากที่ไทยป้องกันโควิด-19 ได้ดี

หลังจากพบการระบาดอย่างแพร่หลายในจังหวัดสมุทรสาคร ได้มีความตื่นตัวในการป้องกันการระบาดอย่างทันที ทั้งการลดกิจกรรมที่รวมกลุ่มคนจำนวนมากเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อในจังหวัดสมุทรสาคร รวมถึงจังหวัดรอยต่อ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครที่เป็นเมืองใหญ่และเป็นเมืองที่มีประชากรอาศัยอยู่มากที่สุดในประเทศไทย โดยเบื้องต้นกรุงเทพมหานครขอความร่วมมือการงดกิจการปีใหม่ และงดกิจกรรมในพื้นที่ที่เคยระบาดจำนวนมาก เช่น สนามมวย

รวมถึงบริษัทเอกชนที่ยกระดับในสถานประกอบการทั้งอาคารพาณิชย์ ศูนย์การค้าและโรงงาน หลังจากที่ผ่านมาความร่วมมือของประชาชนลดลงตามสถานการณ์การระบาดที่ควบคุมได้ค่อนข้างดี แต่หลังจากนี้ทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือในการป้องกันการระบาด เพื่อไม่ให้มีการล็อกดาวน์ประเทศเหมือนการระบาดรอบที่ 1 ซึ่งแม้จะควบคุมสถานการณ์ได้ดีแต่ต้องแลกมากับผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 2 ปี 2563 ติดลบถึง 12.2% ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้มยำกุ้ง