โฆษก ศบค. ชี้โควิด รอบนี้หนักกว่ารอบแรก แต่มีความพร้อมมากกว่า
โฆษก ศบค. ชี้ การระบาด โควิด-19 รอบนี้หนักกว่ารอบแรก แต่มีความพร้อมมากกว่า ทั้งความรู้ เตียง การดูแลผู้ป่วย เน้นย้ำมาตรการป้องกันโควิด-19 (D-M-H-T-T) เว้นระยะห่าง ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย 100%
วันนี้ (27 ธันวาคม) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวถึงข้อ เน้นย้ำและการขอความร่วมมือ ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ในมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเต็มขีดความสามารถ (D-M-H-T-T) ได้แก่ D-Distancing เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้อื่น M-Mask Wearing สวมหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า ตลอดเวลา H-Hand Washing ล้างมือบ่อยๆ จัดให้มีจุดบริการเจลล้างมืออย่างทั่วถึง เพียงพอ T-Testing ตรวจอุณหภูมิร่างกาย ตรวจหาเชื้อโควิด-19 (เฉพาะกรณี) และ T-Thaichana ติดตั้งและใช้แอปพลิเคชั่นไทยชนะ ข้อมูลจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พบว่า ยอดการเช็กอินไทยชนะจากเดิมต่ำกว่า 2 แสนลงไปทุกที ตอนนี้ประชาชนให้ความร่วมมือทำให้ยอดเช็กอินพุ่งขึ้นเป็น 7 แสน จะไม่ใช้มาตรการที่แรงไปกว่านี้หากท่านร่วมมือมาตรการเท่านี้ก็เพียงพอ
ด้าน ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) เน้นย้ำหน่วยงานต่างๆ ตรวจกำกับดูแลกิจการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดในพื้นที่รับผิดชอบ โดยมีมาตรการเพ่งเล็ง ดังนี้ “ทุกพื้นที่” เน้นมาตรการป้องกันโควิด-19 (D-M-H-T-T) และขอความร่วมมือพิจารณาให้หยุดดำเนินกิจการตามความเหมาะสมกับสถานกาณณ์ในพื้นที่ ส่วน “พื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อ” ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด พิจารณาปิดสถานที่ประกอบการที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ตามขนาดพื้นที่ และระยะเวลาที่เห้นเหมาะสม ตามระดับของสานการณ์ของผู้ติดเชื้อในพื้นที่
“เนื่องด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน พบผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศจำนวนหนึ่ง อยู่ในขีดความสามารถทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ควบคุมได้ แต่ผู้ที่คาดว่าติดเชื้อกระจายตามพื้นที่ทั่วไป เนื่องจากมีการสัญจรไปมาระหว่างพื้นที่ ดังนั้น ศปก. ศบค. จึงขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน เพื่อให้มาตรการป้องกันโควิด-19 มีประสิทธิผลเต็มขีดความสามารถ คือ การเดินทางสัญจรในห่วงเวลานี้ ขอให้เน้นมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 (D-M-H-T-T) อย่างเคร่งครัด”
“ในกรณีที่บุคคลใดทราบว่าตนเองได้เคยเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการติดเชื้อ ขอให้กักกันตนเองและหลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้อื่น เป็นระยะเวลา 14 วัน หากพบว่ามีอาการผิดปกติ ขอให้ไปพบแพทย์ ณ โรงพยาบาลใกล้บ้านและให้ข้อมูลที่แท้จริงกับแพทย์ ทั้งนี้ ด้านหนึ่งของการระบาด เพราะกิจการสีเทาสีดำ หากย้อนกลับไปเรื่องของสถานการณ์โลก ไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย ที่มีการเกิดขึ้นระลอกใหม่ คือ มาจากธุรกิจทีเป็นสีเทา สีดำ จึงต้องเน้นให้ความสำคัญเป็นอย่างสูง” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบัน มีการแบ่งพื้นที่เป็น 4 ระดับ ได้แก่ “พื้นที่ควบคุมสูงสุด” เช่น สมุทรสาคร และ ระยอง จะเป็นอีกจังหวัดที่จะประกาศ เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ต้องงดกิจกรรมทุกรูปแบบ อาจจะบางพื้นที่ หรือทั้งจังหวัด ขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด และที่สำคัญ หากไม่ถูกกฏหมาย ฝ่ายมั่นคง ทั้งตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ต้องเข้าไปดูอย่างเข้มงวด
“ถึงแม้จะบอกว่าไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต เล่นกันเล็กน้อย แต่เห็นแล้วว่าพอท่านป่วย คนอื่นเดือดร้อน และภาพรวมสังคมทั้งจังหวัดได้รับผลกระทบด้วย กลายเป็นปัญหาใหญ่ สถานศึกษาอาจจะต้องปิดเรียน และตลาด ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเล็กน้อยของคนที่ติดเชื้อ”
ถัดมา คือ “พื้นที่ควบคุม” ติดเชื้อมากกว่า 10 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือติดกับพื้นที่ควบคุมสูงสุด “พื้นที่เฝ้าระวังสูงสุด” ติดเชื้อน้อยกว่า 10 คน และสามารถควบคุมได้ หรือเป็นพื้นที่อยู่ติดกับพื้นที่ควบคุม และ “พื้นที่เฝ้าระวัง” ยังไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อ และยังไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีผู้ติดเชื้อ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวต่อไปว่า ประเมินการติดเชื้อ ในรอบนี้ ตัวเลขที่เห็น ไม่กี่วัน มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นหลักหลายพัน สิ่งที่สะท้อนความเป็นจริง คือ หนักกว่าในรอบแรก แต่เราก็มีความรู้ว่ามาก เรามีสรรพกำลังมากกว่าในการเตรียมการ ย้อนกลับไปเดือน ก.พ. – มี.ค. หน้ากากอนามัยไม่พอ ยาไม่รู้จะต้องใช้อย่างไร เตียง ผู้ป่วยหนักต้องได้รับการดูแลแบบไหน ตอนนี้เราเตรียมสรรพกำลังไว้พอสมควร และที่สำคัญ คือ ภาคประชาชน มีหน้ากกาผ้า หน้ากากอนามัยใช้ ตอนนั้นเราขอให้ 90% เราถึงประสบความสำเร็จ ตอนนี้ขอ 100%
“ณ ตอนนี้หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ขอให้แพทย์ หรือ ผู้ป่วย หรือคนใกล้ชิดคนป่วยใช้ ตอนนี้หน้ากากอนามัยมีหลายโรงงานน่าจะเพียงพอ กำลังการผลิตราว 4-5 ล้านชิ้นต่อวัน ราคาไม่แพง ยังคงตรึงราคาชิ้นละไม่เกิน 2.5 บาท ขณะที่คนไม่ป่วยสามารถใส่หน้ากากผ้า แต่ขอให้ใส่ 100% ในมาตรการตรงนี้ ผู้ป่วยจะเพิ่มไม่เพิ่มขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน หากร่วมมือกันโดยไม่ต้องใช้มาตรการล็อคดาวน์ และคนที่ทำกิจการผิดกฏหมายไม่เปิดไม่เล่น สถานบันเทิงทำตามข้อกฎหมาย จะไม่ต้องใช้ยาแรง ขึ้นอยู่กับทุกคนให้ความร่วมมือ”
สำหรับข้อซักถามว่าสามารถเดินทางข้ามจังหวัดได้หรือไม่ โฆษก ศบค. กล่าวว่า เน้นย้ำในจังหวัดที่มีการติดเชื้อสูงไม่ควรมีการเคลื่อนย้าย ณ ตอนนี้ควบคุม สูงสุดที่ สมุทรสาคร และ ระยอง จะเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด แต่หากไม่เกี่ยวข้องกับที่กลุ่มเล่นการพนันที่ผิดกฏหมาย ก็ยังสามารถดูแลกันได้ เราไม่ต้องการให้เกิดมาตรการเข้มเกินไป ชุดข้อมูลขอให้ฟังจากผู้ว่าราชการเป็นหลักขอความร่วมมือดำเนินการตามคำสั่งผู้ว่าฯ
“ส่วนการเดินทางอีก 30 กว่าจังหวัด เชื่อว่าสามารถทำได้ เพื่อให้เศรษฐกิจไม่ตึงตัวจนเกินไป เราใช้ทางสายกลาง ไม่เข้มเกินไป คนที่เสี่ยง สัมผัสเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบดูแลตัวเอง หากคนอื่นทั่วไปไม่เป็นไร และหากไม่มีกิจธุระอะไร ก็อยู่บ้าน หากบริษัท ห้างร้าน ไม่ได้มีประเด็นปัญหาที่ต้องให้พนักงานต้องพบปะกัน ก็ใช้ Work from Home สั่งเข้มแค่พื้นที่ควบคุมสูงสุดเท่านั้น” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
สำหรับ สถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม 2563 เวลา 11.30 น. พบผู้ป่วยรายใหม่ 121 ราย แบ่งเป็น ผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 94 ราย ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุก) 18 ราย ผู้เดินทางจากต่างประเทศไม่เข้าสถานกักกัน 1 ราย และสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย ผู้ป่วยยืนยันสะสม 6,141 ราย เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 4,173 ราย ติดเชื้อในแรงงานต่างด้าว (คัดกรองเชิงรุก) 1,356 ราย ส่วนใหญ่อยู่ใน จ.สมุทรสาคร หายป่วยแล้ว 4,161 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย ยังรักษาตัวอยู่ใน 1,902 ราย
ผู้ป่วย จ.ระยอง รอรายงานอีก 49 ราย จ.นครนายก 1 ราย และ จ.สุโขทัย 1 ราย ได้รับการรายงานเพิ่มเติม ขณะนี้ พบผู้ป่วยตามจังหวัดที่รับรักษาเหตุการณ์เกี่ยวเนื่อง จ. สมุทรสาคร ทั้งสิ้น 38 จังหวัด