"อนุพงษ์" แจง ขยายสัมปทานบีทีเอสสีเขียว ไม่เข้าข่ายใช้ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ
"รมว.มหาดไทย" แจง ปมขยายสัมปทานบีทีเอสสายสีเขียว กฤษฎีกาตีความ ไม่เข้าข่าย ใช้พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ส่วนค่าโดยสาร 104 บาท คำนวณได้เหมาะสม
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงต่อข้อกล่าวในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจของส.ส.พรรคฝ่ายค้าน เรื่องสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายเหนือและใต้ ให้กับบริษัทบีทีเอสฯ ถึงปี 2585 เข้าข่ายการเลี่ยง พระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ (พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ ) ว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า การจ้างเดินรถไม่ใช่การร่วมทุน เพราะรถนั้นเป็นของบริษัทบีทีเอสฯ ฐานะผู้รับจ้างเดินรถ ส่วนกรณีที่มีหนี้สิน ที่กทม.ต้องรับภาระ กว่า 9.3 หมื่นล้านบาท นั้น กทม.อยู่ระหว่างหาแนวทางแก้ไข โดยการขอความเห็นผ่านสภากรุงเทพมหานคร
“กฎหมายหนี้สาธารณะกำหนดว่าหน่วยงานท้องถิ่นไม่สามารถก่อหนี้เกิน 10% ของงบประมาณรายจ่ายไม่ได้ ส่วนที่บอกให้กู้เงินนั้นทำไม่ได้ ส่วนจะนำเงินสะสม กว่า 50,000 ล้านบาทไม่สามารรถใช้ได้กับโครงการขนาดใหญ่ได้ เพราะต้องใช้เพื่อแก้ปัญหาของพื้นที่ ทั้งนี้มีวิธีทางออก คือ ให้เอกชนเข้ามาร่วมทุน ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ด้วยว่าหากเอกชนมีความสามารถต้องให้ร่วมดำเนินการ แต่ไม่ใช่ใครก็ทำได้ เพราะโครงสร้างถูกบิดตั้งแต่ต้น ที่รัฐบาลชุดก่อนไม่ให้ทำ ต้องโอนโครงสร้างจากกทม.ให้กับ รฟม. และโอนจากรฟม.ให้กทม. ดำเนินการ อีกทั้งยังมีเงื่อนไขการเจรจา อย่างไรก็ดีประเด็นใครผิดใครถูกต้องไปถึงศาล” พล.อ.อนุพงษ์ ชี้แจง
พล.อ.อนุพงษ์ ย้ำด้วยว่า รัฐบาลพยายามหาทางแก้ปัญหาเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่เอื้อนายทุน ที่หมายความว่าเอื้อเขาจนประเทศเสียประโยชน์ ประชาชนเดือดร้อน ส่วนค่าโดยสาร 104 บาทนั้นได้คำนวณไว้อย่างเหมาะสมแล้ว โดยคิดค่าแรกเข้าเพียงรอบเดียว ทั้งนี้ค่าโดยสารเดิมที่รฟม. คำนวณ พบตัวเลขที่158 บาท ดังนั้นที่อภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เรื่องที่เกิดขึ้น คสช. สั่งมา นั้นตนไม่มี หรือเป็นอะไรให้ใคร
นายยุทธพงศ์ อภิปรายย้ำว่าพล.อ.อนุพงษ์ ทราบแล้วว่าผิด ดังนั้นต้องทำให้ถูก นอกจากนั้นที่ระบุว่า กทม.ไม่มีเงินชำระหนี้ นั้น ขอเท็จจริงล่าสุด ออกข้อบัญญัติกทม. เรื่องการกู้เงิน เพื่อเตรียมชำระหนี้ รฟม. ดังนั้นขอให้ รมว.มหาดไทย ไปเช็คบิล ผู้ว่าฯกทม. ด้วย.