ERW-AAV นำทีมรอลุ้น 'เราเที่ยวด้วยกัน' เฟส3
การท่องเที่ยวไทยเจ็บหนักจากการระบาดของโควิด-19 ที่ลากยาวมานานกว่า 1 ปี แต่มาวันนี้เมื่อสถานการณ์เริ่มดีขึ้น พร้อมๆ กับความคืบหน้าของวัคซีนต้านโควิด ซึ่งวัคซีนล็อตแรกจากซิโนแวคกำลังจะข้ามน้ำข้ามทะเลจากประเทศจีนมาถึงไทยในวันที่ 24 ก.พ. นี้
เปรียบเสมือนแสงสว่างปลายอุโมงค์ที่คนทั้งชาติหวังว่าจะช่วยยับยั้งโรคระบาด กอบกู้ภาวะวิกฤต และพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยกลับมาผงกหัวอีกครั้ง เช่นเดียวกับภาคการท่องเที่ยวที่หวังว่าเมื่อมีวัคซีนแล้ว น่าจะทำให้บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวคึกคักขึ้น ทั้งตลาดไทยเที่ยวไทยและตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังต้องล็อกดาวน์ปิดประเทศมานานหลายเดือน
ล่าสุด มีข่าวดีหลังที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเคาะปรับโซนพื้นที่คุมโควิดใหม่ โดยปรับเพิ่มพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) เป็น 54 จังหวัด จากเดิม 35 จังหวัด, พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จาก 17 จังหวัด เหลือ 14 จังหวัด, พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จาก 20 จังหวัด เหลือ 8 จังหวัด โดยยังคงให้ จ.สมุทรสาคร เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดง) ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่พิจารณาเห็นชอบต่อไปในวันที่ 22 ก.พ. นี้
ส่วนภาคการท่องเที่ยวรอลุ้นข่าวดีเช่นกัน หลัง ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ออกมาบอกว่า เตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเพิ่มเติม หลังจบศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในวันที่ 20 ก.พ. นี้ ด้วยการขยายโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟสที่ 3 หลังยอดจองห้องพักเฟสที่ 1-2 จำนวน 6 ล้านห้อง เต็มไปตั้งแต่ช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
โดยเบื้องต้นจะขยายเวลาเข่พักออกไปถึงเดือน ก.ย. 2564 จากเดิมจะสิ้นสุดในวันที่ 30 เม.ย. นี้ เพื่อให้ครอบคลุมช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งต้องรอดูว่าในรอบใหม่นี้จะเพิ่มโควต้าห้องพักทั้งหมดกี่ห้อง โดย ททท. อยู่ระหว่างการพิจารณาอาจจะเป็น 1 ล้านห้อง หรือ 2 ล้านห้องขึ้นไป
นอกจากนี้ อาจจะลดเพดานราคาห้องพักจาก 7,500 บาท เหลือ 2,700 บาท หลังพบว่าผู้ใช้สิทธิในช่วง 2 เฟสแรก เลือกเข้าใช้บริการห้องพักในราคาเฉลี่ยไม่เกิน 2,700 บาทเท่านั้น ซึ่งการลดเพดานราคาห้องพักลง จะสามารถนำเงินงบประมาณไปเพิ่มจำนวนห้องพักได้มากขึ้น
ในส่วนของตั๋วเครื่องบินที่ไม่ค่อยจะเปรี้ยงปร้าง ปัจจุบันเหลือสิทธิอีกมากกว่า 1.34 ล้านที่นั่ง จากทั้งหมด 2 ล้านที่นั่ง ล่าสุดแว่วว่าจะร่วมมือกับบรรดาสายการบินออกตั๋วแบบบุฟเฟต์สามารถเดินทางได้ไม่จำกัดเที่ยวบิน โดยรัฐจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ 2,000 บาท
ซึ่งสุดท้ายแล้วต้องรอดูว่าจะเคาะราคาแพ็กเกจตั๋วแบบบุฟเฟต์ที่ราคาเท่าไหร่ โดยข้อเสนอเบื้องต้นของสายการบินอยู่ที่ 12,000 บาท บินในประเทศได้ไม่จำกัด ภายใน 3 เดือน เท่ากับว่าผู้โดยสารจะออกค่าใช้จ่ายเพียงแค่ 10,000 บาท
ด้านกระทรวงสาธารณสุขเตรียมเสนอรัฐบาลออกมาตรการ Quarantine at Home โดยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องการเดินทางเข้าไทยต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ณ ประเทศต้นทาง และเมื่อมาถึงประเทศไทยให้กักตัวต่อเพียง 3 วัน และมาตรการ Mobile Quarantine ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถท่องเที่ยวได้ตามโปรแกรมที่วางไว้ โดยจะมีเจ้าหน้าที่รัฐค่อยติดตามไปด้วย
ดูแล้วหากมีมาตรการต่างๆ ออกมาจริงถือเป็นปัจจัยบวกไม่มากก็น้อยต่อผู้ประกอบการในกลุ่มท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมเพราะดูมีโอกาสเป็นไปได้มากที่สุดที่รัฐบาลจะขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เฟส3 หลังที่ผ่านมากระแสตอบรับดีมาก ดึงคนไทยออกมาท่องเที่ยวในประเทศ พอที่จะช่วยต่อลมหายใจให้กับผู้ประกอบการในช่วงที่ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ที่โดดเด่นที่สุดคงจะเป็นบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW เพราะโรงแรมส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเกือบทั้งหมด ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่ระดับ 5 ดาวไปจนถึงราคาประหยัด โดยมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยถึง 90% และมีรายได้จากการเข้าพักของคนไทยราวๆ 20%
ด้านผู้ประกอบการสายการบินต้องเป็นบริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ผู้ให้บริการสายการบินไทยแอร์เอเชียในฐานะเจ้าตลาดสายการบินโลว์คอสต์ที่มีเส้นทางบินมากที่สุดในประเทศ ซาวด์เสียงจากบรรดากูรูในตลาดมีลุ้นที่ผลประกอบการปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไรได้