วันนี้ ‘กรุงเทพมหานคร’พบติดเชื้อ‘โควิด-19’รายใหม่ 43 ราย
ศบค.พบติด “โควิด-19” รายใหม่ 69 ราย กรุงเทพมหาคร 43 ราย เผย“สมุทรสาคร” แวะไปเที่ยวได้ กระจาย“วัคซีนโควิด19”ล็อต2 ประจวบฯขอเปิดกองร้อยตชด.กักคนลักลอบเข้าเมืองหลังพบติดเชื้อย หวั่นสงกรานต์การ์ดตกกลับมาแพร่ระบาด ยกบทเรียนจาก10ประเทศ
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 มี.ค.2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19(ศบค.) แถลงสถานการณ์โควิด-19ว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 69 ราย แบ่งเป็นพบจากระบบเฝ้าระวังและบริการ 44 ราย ในจ. กรุงเทพมหานคร(กทม.) 30 ราย ตาก 2 ราย นครปฐม 1 ราย นนทบุรี 1 ราย ปทุมธานี 2 ราย สมุทรปราการ 1 ราย สมุทรสาคร 6 ราย หนองบัวลำภู 1 ราย จากการคัดกรองเชิงรุก 17 ราย พบในจ. กทม. 13 ราย ปทุมธานี 1 ราย สมุทรสาคร 3 ราย และผู้เดินทางจากต่างประเทศและเข้าสถานกักกันโรค(Quarantine) 8 ราย ผู้ป่วยสะสม 28,346 ราย ผู้เสียชีวิตสะสม 92 ราย เฉพาะระบาดรอบใหม่ผู้ติดเชื้อสะสม 24,109 ราย เสียชีวิตสะสม 32 ราย
“สมุทรสาคร”แวะเที่ยวได้
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า สถานการณ์ที่จ.สมุทรสาคร ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 รายตัวเลขเล็กลงอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้เป็นตัวเลขที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แต่เกิดจากการทำงานหนัก ของทีมพื้นที่ และความร่วมมือของชาวสมุทรสาคร รวมถึงผู้ประกอบการสถานบริการ ตลาด ห้างร้านต่างๆ ถึงวันนี้สมุทรสาครเปิดบ้านเปิดเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ จะมีการเปิดการเดินรถโดยสารวันแรก โดยมีข้อกังวลว่าการเดินรถไปมานั้น มีวงจำกัดอยู่ที่สมุทรสาคร จากนี้เมื่อขนส่งเปิดแล้วแสดงว่าพี่น้องสมุทรสาครสามารถเดินทางข้ามพื้นที่ได้ คนภายนอกก็สามารถเดินทางไปแวะไปท่องเที่ยวในพื้นที่สมุทรสาครได้ จากเดิมที่การเดิมทางข้ามจังหวัด ทำได้อย่างเดียวแต่ไม่อนุญาตให้แวะพักแต่ขนาดนี้สามารถทำได้แล้ว
ติดเชื้อน้อยกว่า1-2%
ผู้ติดเชื้อในสมุทรสาคร การกระจายวงเล็กลงเรื่อยๆ รายงานผู้ติดเชื้อค่อนข้างกระจุกอยู่ที่อ.เมืองและบางตำบลเท่านั้น หมายความว่าการติดเชื้อยังมีอยู่ แต่เป็นตัวเลขที่น้อยกว่า 1-2 % หมายความว่าระบบสาธารณสุขในพื้นที่ ยังสามารถควบคุมป้องกันได้ ดังนั้น อยากให้เกิดความมั่นใจ ในส่วนของขนส่งนั้นได้มีการกำชับชัดเจน เรื่องของการทำความสะอาดพื้นที่อย่างแข็งขัน มีการตรวจวัดอุณหภูมิ เจลแอลกอฮอล์ให้บริการ ทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะเช่นห้องน้ำ รวมถึงเว้นระยะห่างประชาชนจะต้องไปรอขึ้นรถ มีการจัดการพื้นที่ให้เป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างเข้มข้น และเน้นย้ำว่าชาวสมุทรสาครไม่ว่าจะขอความร่วมมืออะไรไปจะได้ขอความร่วมมือ 90% ขึ้นไป
อย่าการ์ดตก
“วันนี้สงครามยังไม่จบไม่ว่าชาวสมุทรสาคร ประชาชนชาวไทยจะเหนื่อยกันมานานเข้มงวดกันมาตลอด แต่ต้องอดทนกันต่อไปอีกสักนิด ในส่วนของเทศกาลสงกรานต์ที่จะเกิดขึ้น ไม่อยากจะเห็นปรากฏการณ์สะเก็ดไฟ ทำให้เกิดการแพร่ระบาดจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งจากการเดินทางข้ามพื้นที่ ขอให้ประชาชนเดินทาง ค้าขาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และอยู่ในมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างมีประสิทธิภาพ”พญ.อภิสมัยกล่าว
แผนการกระจายวัคซีน 8 แสนโดส
พญ.อภิสมัย กล่าวด้วยว่า สำหรับการกระจายวัคซีนโควิด19 ของซิโนแวคล็อตที่ 2 จำนวน 8แสนโดส แบ่งเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.การควบคุมการแพร่ระบาดของโรค 3 แสนโดส 6 จังหวัด คือ สมุทรสาคร 100,000 กทม. 50,000 โดส อ.แม่สอด ตาก 75,000 โดส ปทุมธานี 25,000 โดสสมุทรปราการ 25,000 โดส และนนทบุรี 25,000 โดส
2.พื้นฟูเศรษฐกิจ 290,000 โดส 18 จังหวัด แยกเป็นจังหวัดท่องเที่ยว 240,000 โดส 8 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง เชียงใหม่ จังหวัดละ 20,000 โดส ขอนแก่น กระบี่ พังงา จังหวัดละ10,000 โดส อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี 50,000 โดส และภูเก็ต 100,000 โดส
จังหวัดชายแดน 50,000 โดส 8 จังหวัด คือ สงขลา สระแก้ว จังหวัดละ 10,000 โดส เชียงราย มุกดาหาร ระนอง หนองคาย จันทบุรี และนราธิวาส จังหวัดละ 5,000 โดส
และ3.บุคลากรสาธารณสุข /อสม./เจ้าหน้าที่กลุ่มอื่นๆที่จำเป็นและควบคุมการระบาดในจังหวัดใหม่อื่นๆจำนวน 210,000 โดส
ศูนย์กักบางเขนรายใหม่ 0 ราย
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า กรณีการเจอผู้ต้องกักที่หลบหนีเข้าเมืองในศูนย์กัก บางเขนกว่า 300 รายนั้น สำนักงานตรวจคนเมือง(สตม.)และกรมควบุคมโรคได้เข้าไปกำหนดมาตรการป้องกันควบคุมโรค ไม่ให้เกิดการแพร่กระจายจากการติดเชื้อในสถานที่ดังกล่าวไปยังพื้นที่นอกศูนย์ รวมทั้งการดูแลบุคลากรเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานให้ได้รับการตรวจหาเชื้อทุกราย ขณะนี้สถานการณ์อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ยังมีการตรวจหาเชื้ออยู่ แต่ตัวเลขวันนี้เป็น 0 ราย
ประจวบฯเปิดตชด.ดูแลติดโควิด19
พญ.อภิสมัย กล่าวด้วยว่า ประจวบคีรีขันธ์มีจุดผ่านแดนช่องทางธรรมชาติ 50 จุด ใน 8 อำเภอ มีแนวตะเขียบติดประเทศเมีนยนมา 280 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 3 มี.ค.2564 พบว่ามีการทำผิดกฎหมาย ผู้ผ่านแดนเข้ามาแบบผิดกฎหมาย 33 คน นำไปควบคุมไว้ที่สภ.เมืองและเรือนจำประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งการตรวจโควิด19ทันที่ที่แนวชายแดน ผลตรวจเป็น ลบ กระทั่งย้ายผู้ต้องกักมาที่สถานกักกัน ตรวจโควิดครั้งที่ 2 พบว่าจาก 33 คน พบติดโควิด 4 คน จึงมีการระดมตรวจพนักงาน 70 กว่าคน และเข้าสู่มาตรการกักตัวป้องกันการแพร่ระบาดด้วย คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เสนอขอให้มีการจัดสถานที่กักกัน ในพื้นที่กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน(ตชด.) และมีการดูแลให้เกิดการกักตัวตามมาตตรฐานสธ. 14 วัน ซึ่งบุคคลเหล่านี้ทำผิดกฎหมาย ต้องมีการดูแลเรื่องความมั่นคงปลอดภัยด้วย มีการล้อมรั้วลวดหนาม เมื่อดูแลการแพร่เชื้อเรียบร้อยแล้ว ก็สั่งฟ้องตามกฎหมายและผลักดันกลับผประเทศ
จี้สถานประกอบการทบทวนมาตรการ
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า คลัสเตอร์โรงงานทำขนมที่เขตบางขุนเทียน จากการรายงานก่อนหน้านี้ไปแล้ว 17 ราย จากการลงสอบสวนในพื้นที่ของกรมควบคุมโรค มีสิ่งที่ทำให้เกิดการเรียนรู้ คือโรงงานนี้มีหน้าร้านมีคนผ่านเข้าออกตลอด โดยมีการแบ่งเป็นแผนก และมีการวัดอุณหภูมิตามมาตรกาารแต่ยังไม่ครบถ้วนและหล่ะหลวม ส่วนที่พักคนงาน อาศัยรวมในอาคารพาณิชย์แห่งนี้ 70 คนและแบ่งเป็นห้องเช่า แต่มาตรการลงทะเบียน คัดกรองผ่านเข้าออกไม่มี มีการทำในบางจุดเท่านั้น เมื่อมี 1 คนติดเชื้อก็แพร่ไปคนอื่นได้โดยง่าย จึงอยากให้ทบทวนในสถานประกอบการ ร้านค้า โรงงาน ตลาด พื้นที่ชุมชน เพราะไม่มีโอกาสรู้เลยใครเป็นผู้ติดเชื้อ หลายครั้งเจอไม่มีอาการ อาจเป็นคนที่ใช้ชีวิตเป็นปกติออยู่รอบตัว เพื่อนบ้าน หรือคนในครอบครัว
หวั่นสงกรานต์การ์ดตกแพร่ระบาด
กรณีโรงงานทำขนมนี้ ผู้ที่พบรายงานรายแรกเป็นผู้ที่เข้าไปรับการตรวจสุขภาพเพื่อการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าวตามมาตรฐาน จึงพบติดเชื้อรายแรก ทางกรมควบุคมโรค ติดตามทำการค้นหาเชิงนรุก จึงไปตรวจพบที่โรงงานทำขนมนี้ สะท้อนให้เห็นว่า มาตรการที่มีอยู่และหลายคนกำลังอ่อนล้า กรณีนี้เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่ายังลดมาตรการไม่ได้ เหนื่อยล้าจริง แต่ไม่สามารถผ่อนคลายเร็วเกินไป เพราะไวรัสไม่เลือกอยู่ที่ไหนติดใคร มีวัดหยุดกับเราหรือไม่ ถ้าสงกรานต์การ์ดตกอาจเป็นช่วงทำให้เกิดการติดเชื้อและแพร่ระบาดได้
บทเรียนโควิด19ใน10ประเทศ
ต่อข้อถามว่าเมื่อฉีดวัคซีนโควิด19 ครบ 2 โดสแล้ว ผ่อนคลายมาตรการต่างๆได้แล้วหรือไม่ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 300 ล้านโดส และหลายประเทศฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว แต่ยอดผู้ติดเชื้อไม่ได้ลดลงมากนัก กรมควบคุมโรคนำเสนอจุดอ่อนของหลายประเทศ พบว่า 1.อเมริกา มีมาตรการในการผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆเร็วเกินไป ประชาชนได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างเดิมตามปกติ โดยไม่ได้มีมาตรการป้องกันส่วนบุคคลหรือสวมใส่หน้ากากอนามัยนมากนัก หลังจากนั้นพบว่าติดโรคโควิด จำนวน 252 แห่งทั่วประเทศ
2.บราซิล การให้วัคซีนแก่ประชาชนยังเป็นไปอย่างช้า ส่งผลให้การระบาดของเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่ในฐราซิลที่เรียกว่า P.1 ทำให้กลายเป็นจุดเสี่ยงสำคัญของการแพร่ระบาด
3.รัสเซีย ในช่วงปลายเดือนก.พ.-มี.ค. กลับไม่มีการควบคุมการเดินทางจากยุโรป และในช่วงที่ประเทศอื่นทั่วโลกเริ่มระงับไฟลท์บิน เริ่มจัดการกักกันตัวผู้ที่เดินทางมาจากยุโรปแล้ว รัสเซียยังปล่อยให้ผู้ที่มาจากยุโรปเดินทางไปมาในประเทศได้ตามปกติ
4.สหราชอาณาจักร พบเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด19 ที่กลายพันธ์ชนิดใหม่ และสามารถแพร่ะระบาดได้อย่างรวดเร็ว 5.ฝรั่งเศส กรุงปารีส และเมืองมาร์แซยเป็นพื้นที่มีความเสี่ยงที่จะติดโควิด19 หลังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้น ติดเชื้อเกิน 2,500 รายติดต่อกัน มีคลัสเตอร์ที่อยู่ในระหว่างการตรวจสอบการระบาดของเชื้อโรคโควิด19 จำนวน 252 แห่งทั่วประเทศ
5.อิตาลี มีประชากรสูงอายุมากที่สุดอันดับ 2 ของโลก รองจากญี่ปุ่น กลุ่มที่อายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงสูงกว่าที่จะมีอาการป่วยรุนแรงจากโควิด19 ปัจจัยเสี่ยงชาวอิตาลีหนุ่มสาวจะไปหาปู่ย่าตายายของตน หอมแก้ม ไปโบสต์หรือทานอาหารร่วมกัน
6.เยอรมนี การตรวจหาเชื้อเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลอย่างมากต่ออัตราการเสียชีวิตของโรคโควิด19 โดยเยอรมนีผลักดันมาตรการตรวจหาเชื้อแบบเชิงรุกอย่างจริงจัง และตรวจเชื้อประชาชนที่ติดต่อสัมผัสกับผู้ติดเชื้อทุกคน รวมถึงผู้ที่มีอาการอ่อนๆ ภายในช่วง 1 สัปดาห์ พบว่าเยอรมนีสามารถดำเนินการตรวจเชื้อได้มากถึง 5 แสนคน
7.โปแลนด์ สาเหตุที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพื่มขึ้นจำนวนมากเนื่องจากโรงเรียนเพิ่งเปิดเทอม นักเรียนต่างรับเชื้อแต่ไม่มีอาการ และกลับไปปล่อยเชื้อให้กับคนที่บ้าน
8.อิหร่าน การแพร่ะระบาดระลอกใหม่ หลังมีรายงานพบผู้ติดเชื้อชนิดกลายพันธุ์หลายรายในบางพื้นที่ของประเทศ
9.อินโดนีเซีย ระบบสุขภาพที่ไม่มีคุณภาพและยังมีช่องว่างทางสังคม และสุขภาพที่ย่ำแย่อยู่แล้วของประชาชนส่วนใหญ่ ด้วยอัตราของประชากรสูงอายุที่มีจำนวนมาก
และ 10.อินเดีย พบกลายพันธุ์ชนิดใหม่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ประชาชนจำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงการตรวจของภาครัฐ พบการติดเชื้อประชากรกว่า 30% ในกรุงนิวเดลี การตรวจแอนติบอดี้ของคนอินเดียพบว่ากว่า 60 % ของประชากรมีแอนติบอดีของโควิด19เรียบร้อยแล้ว