รัฐบาลหนุนองค์กรภาคประชาสังคม ร่วมเป็นหุ้นส่วนพัฒนาประเทศ ไฟเขียวแผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ 1
รัฐบาลสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคม ร่วมเป็นหุ้นส่วนพัฒนาประเทศ ไฟเขียวแผนปฏิบัติการฯ ระยะที่ 1
เมื่อวันที่ 31 มี.ค.64 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ว่า ครม. เห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม ระยะที่ 1 (พ.ศ.2564 – 2565) ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยในปัจจุบันทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม หรือปัญหาอื่น ๆ มีความซับซ้อนมากกว่าในอดีต ทำให้หน่วยงานรัฐไม่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงต้องส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคม ซึ่งองค์กรภาคประชาสังคมเป็นกลไกสำคัญในการจัดการปัญหาของชุมชน ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการพัฒนาประเทศ
มีวัตถุประสงค์เพื่อ
- สนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมให้มีศักยภาพ และมีบทบาทเป็นหุ้นส่วนการพัฒนาประเทศ
- ผลักดันกฎหมาย นโยบาย และกลไกที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรภาคประชาสังคมให้เกิดความเข้มแข็ง
- ส่งเสริมสนับสนุนการจัดการความรู้และพัฒนาฐานข้อมูลองค์กรภาคประชาสังคม
- สร้างกรอบทิศทางการส่งเสริมองค์กรภาคประชาสังคม ให้ภาคีภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคมใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานต่อไป
โดยการขับเคลื่อนจะดำเนินการภายใต้ 4 แผนงาน ด้วยงบประมาณ รวม 81 ล้านบาท ดังนี้
- แผนพัฒนาศักยภาพขีดความสามารถขององค์กรภาคประชาสังคมให้มีความเข้มแข็งและมีธรรมาภิบาล
- แผนพัฒนากฎหมาย นโยบาย กลไก มาตรการเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมองค์กรภาคประชาสังคม
- แผนพัฒนาองค์ความรู้การศึกษาวิจัยเพื่อส่งเสริมและพัฒนาความเข้มแข็งองค์กรภาคประชาสังคม
- แผนส่งเสริมสนับสนุนองค์กรภาคประชาสังคมให้เป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาประเทศและเชื่อมโยงการทำงานในระดับภูมิภาคและประชาคมโลก
ทั้งนี้ ร่างแผนปฏิบัติการฉบับนี้ จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพขององค์กรภาคประชาสังคมให้เป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาประเทศและเชื่อมโยงการทำงานในระดับภูมิภาค และระหว่างประเทศ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับองค์กรภาคประชาสังคม ในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นทางสังคมอย่างสร้างสรรค์ เพิ่มโอกาสการทำงานร่วมกัน เพื่อนำไปสู่การแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน